จากที่วันนี้ 10 กรกฎาคม 2564 ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศสละเงินเดือน 3 เดือน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการลดกระแสนั้น
สำหรับนายภูมิธรรม กล่าวว่า เงินเดือน 3 เดือนของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนที่ตายไปฟื้นกลับมา และไม่ได้ช่วยประคับประคองให้ประชาชนลดทอนความยากลำบากกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ตรงกันข้ามอาจจะมีคนร้องไห้เพราะต้องทนอยู่กับนายกฯ ต่อไปอีก 3 เดือน การดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์เรื่องเงินเดือนคือการสะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ไม่เคยแตะปัญหาให้ตรงประเด็น ข้อเสนอมากมายที่สำคัญกว่าบรรลุการแก้ปัญหาได้มากกว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยสนใจ พยายามจะขายผ้าเอาหน้ารอด สละเงินเดือน 3 เดือนไม่ช่วยอะไร เพราะพล.อ.ประยุทธ์รับเงินเดือนหลายทางมานานแล้ว ในสมัยก่อนพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่กินเงินเดือนหลายทางเขารับทางเดียว แต่นี่เงินเกษียณก็รับ เงินนายกฯ เงินคสช.ก็รับมาตลอด แล้วจะมาลดเงินเดือนตรงนี้ ไม่แก้ปัญหาต่างๆ จะแก้ปัญหาอะไรได้” นายภูมิธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อประเด็นที่นายภูมิธรรม พูดเผยแพร่ออกไปก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถึงความคิดที่ว่านายกฯยอมเสียสละเงินเดือนก็ไม่ได้ทำให้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ฟื้นคืนมาได้ นั่นเองที่ทำให้สังคมตั้งคำถามเปรียบเทียบกับกรณีของโครงการรับจำนำข้าวรัฐาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำให้ชาวนาจำนวนหนึ่งต้องผูกคอตาย โดยทีมข่าวเดอะทรูธตรวจสอบไปวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 ก็พบเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวไว้ด้วย (https://www.posttoday.com/social/local/278135)
ร.ต.ท.อนวัช แสนอินทร์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.สวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้าน ซ.สามัคคีธรรม หมู่ 4 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายอนันต์ สายประยงค์ ชาว อ.เมือง จ.ปทุมธานี สภาพศพใช้สายเข็มขัดนิรภัยผูกคอตัวอยู่กับขื่อบ้านภายในห้อง สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีเทา เสียชีวิตมาแล้ว 2-4 ชั่วโมง
จากการสอบถามนางฉันทนา สายประยงค์ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายได้บอกว่า สามีมีอาชีพทำนาและเป็นหัวหน้ากลุ่มชาวนาที่ไปเอาเมล็ดข้าว ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง จากนายทุนนำมาให้ชาวนาในกลุ่มลงทุนทำนากันไปก่อนหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเข้าโครงการรับจำนำข้าวให้กับโรงสี แล้วยังไม่ได้รับเงินมาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้วประกอบกับนายทุนได้ทวงถามเงินที่ติดค้างค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลงและเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นจำนวนกว่า 600,000 บาท
นอกจากนี้ สามีได้ไปตามเก็บเงินกับชาวนาที่อยู่ในกลุ่ม แต่ไม่ได้เงินเลยสักรายเพราะได้รับแต่ใบประทวน ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเช่นกัน จึงทำให้สามีเกิดความเครียดคิดมากบ่นให้ตนฟังมาหลายครั้งแล้ว และโดยเฉพาะที่ปลูกบ้านกว่า 1 ไร่ สามีได้นำไปจำนองกับธนาคาร ธ.ก.ส. ไว้ เงินก็ใช้หนี้ไม่พอจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สามีผูกคอเสียชีวิตดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจให้นำศพส่งนิติเวช ธรรมศาสตร์ ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
โดยก่อนหน้ามีชาวนาผูกคอเสียชีวิตจากโครงการรับจำนำข้าวแล้ว 6 ราย คือ จ.เชียงราย 1 ราย กำแพงเพชร 1 ราย อ่างทอง 1 ราย บุรีรัมย์ 1 ราย ศรีสะเกษ 2 ราย ราชบุรี 1 ราย พิจิตร 1 ราย และ ร้อยเอ็ด 1