ชัดแล้ว!? “สามารถ แก้วมีชัย” ไม่กลับพท. โผล่ซบ”ไทยสร้างไทย” ขณะ”เจ๊หน่อย” ฟุ้งคนร่วมลงชื่อฟ้องรบ.พุ่งหลักแสน!

2459

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่จะเข้าร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย โดยระบุข้อความว่า

ภารกิจสุดท้ายเพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน
ผมตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับพรรคไทยสร้างไทย ภายใต้การนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ด้วยเหตุผลคือ จะช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้บ้านเมือง ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อพร้อมที่จะส่งต่อให้ลูกหลาน
ผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคน ล้วนผ่านประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ มานานพอที่จะตระหนักว่า อะไรคือจุดอ่อน จุดแข็ง อะไรคือศักยภาพของบ้านเมือง ปัญหาของพี่น้องประชาชนอยู่ตรงไหน จะส่งเสริม สนับสนุน และช่วยให้เขาอยู่ดีกินดีกันได้อย่างไร
นโยบายของพรรคไทยสร้างไทย จะตอบสนองต่อการแก้ปัญหา และเสริมสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็งในทุกด้าน เพื่อส่งมอบให้รุ่นลูกรุ่นหลานรับไปสานต่อ
ขอเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้พี่น้องประชาชนพิจารณา ผมจะมุ่งมั่นทุ่มเททำภารกิจนี้ด้วยความจริงใจ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองเป็นสำคัญ อย่างที่เคยทำเสมอมา เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมกันคิด ร่วมทำ เพื่อสร้างบ้านเมืองกับ พรรคไทยสร้างไทย ครับ
สามารถ แก้วมีชัย
พรรคไทยสร้างไทย https://www.thaisangthai.org/
เชียงราย
ในขณะเดียวกัน ทาง้านของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะประธานพรรคไทยสร้างไทย ก็ได้โพสต์ข้อความว่า
ดิฉันขอขอบคุณท่านสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและ ส.ส.จังหวัดเชียงรายหลายสมัย
ที่มาร่วมอุดมการณ์กับพรรคไทยสร้างไทย เพื่อจะช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เพื่อส่งต่ออนาคตดี ให้ลูกหลาน
นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ข้อความกรณีของแคมเปญลงชื่อให้พรรคไทยสร้างไทย ยื่นฟ้องรัฐบาล หลังมีมติ ครม.จัดซื้อ Sinovac เพิ่มอีกกว่า 6 พันล้านบาท โดยบอกว่า พรรคไทยสร้างไทย ขอขอบคุณทุกเสียงที่สนับสนุนลงชื่อให้ #พรรคไทยสร้างไทย เป็นตัวแทนคนตัวเล็กยื่นฟ้องรัฐบาล หลังมีมติ ครม.จัดซื้อ Sinovac เพิ่มอีกกว่า 6 พันล้านบาท ทั้งที่ไม่สามารถป้องกันเชื้อเดลต้าที่กำลังระบาดในขณะนี้ได้
สำหรับนายสามารถ แก้วมีชัย เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (ชุดที่ 23) และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ต่อมาจึงได้เข้าร่วมกลุ่มของนายยงยุทธ ติยะไพรัช และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 และการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน ต่อมาก็ได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยพร้อมกันกับสมาชิกจากพรรคพลังประชาชนเดิม

 

นายสามารถ เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง อาทิ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมโฆษกคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 จึงได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แทนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์

ใน การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสามารถยังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกสมัย ส่วน การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ถูกประกาศให้เป็นโมฆะ แต่ใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถสูญเสียตำแหน่งให้กับนาย เอกภพ เพียรพิเศษ จาก พรรคอนาคตใหม่ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

กระทั่งวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 นายสามารถได้โพสต์ภาพหนังสือการลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวน 3 ฉบับแก่นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคและ พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไปโดยให้เหตุผลว่าต้องการเป็นอิสระและปลอดสังกัดพรรคการเมือง และล่าสุดเขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์