จากที่มีรายงานข่าว ชาวไต้หวันหลายร้อยคนได้จองทัวร์ไปยังกวม หลังจากที่กวมเปิดโครงการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปรับวัคซีนได้ เนื่องจากเกิดการขาดแคลนวัคซีนในไต้หวันนั้น
สำหรับ เกาะกวม ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถควบคุมการติดเชื้อโควิดได้ดี และมีอัตราการฉีดวัคซีนในท้องถิ่นค่อนข้างสูง ได้จัดโปรแกรมใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า “การพักร้อนและการฉีดวัคซีน” โดย มุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก โดยผู้เข้าร่วมสามารถเลือกระหว่างวัคซีน ไฟเซอร์ บีออนเทค, โมเดอร์นา, และ จอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน
ทั้งนี้บริษัททัวร์ไลออน ทราเวล ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน เปิดเผยจะมีการเปิดแพคเกจไปกวมให้จองกันตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม โดยในแพคเกจจะครอบคลุมเรื่องตั๋วเครื่องบินและโรงแรม แต่จะไม่รวมค่าตรวจโควิด ราคาแพคเกจจะอยู่ที่ 1,530 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 49,000 บาท โดยจะมีทริปทั้งแบบระยะสั้น 7 วัน และระยะยาว 22 วัน และหากแพคเกจถูกจองเต็ม ทางบริษัทคาดว่าจะทำรายได้ได้มากกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 160 ล้านบาท
“ความสนใจในการจองทัวร์ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลกวมได้ยกเว้นให้ผู้มาเยือนที่สามารถแสดงผลการทดสอบโควิดที่เป็นลบจากการกักกันตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม สามารถรับวัคซีนโควิดได้ในวันรุ่งขึ้น และหลังจากนั้นก็สามารถท่องเที่ยวต่อในเกาะได้”
ด้านกระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน ได้ระบุไต้หวันมีประชากร 23.5 ล้านคน แต่ได้รับวัคซีนกันไปเพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และกำลังเร่งหาวัคซีนเพิ่ม ก่อนที่สหรัฐและญี่ปุ่นจะบริจาควัคซีนให้รวมกว่า 3 ล้านโดสนั้น ไต้หวันมีวัคซีนเพียงแค่ 726,000 โดสเท่านั้น ทำให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวันออกมากล่าวหาจีนว่าเป็นอุปสรรคต่อการรับวัคซีนที่เพิ่มขึ้นจากไฟเซอร์ บีออนเทค ด้านจีนก็ปฏิเสธทุกข้อหา
ขณะที่วันนี้สำหรับประเทศไทย 3 กรกฎาคม 2564 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564 รวม 6,230 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 5,936 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 294 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 3,159 ราย ผู้ป่วยสะสม 248,288 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) เสียชีวิต 41 ราย
ดังนั้นเองที่ทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบ จำนวนประชากร และอัตราการติดเชื้อ การฉีดวัคซีนระหว่างไต้หวัน กับประเทศไทย โดยเริ่มที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 พบว่าราษฎรไทย มีจำนวน 66,186,727 คน
ฉะนั้นจึงต้องตรวจสอบไปถึงนับจากไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก คือตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.00 น. มีจำนวนการได้รับวัคซีนโควิดสะสม (28 ก.พ. – 1 ก.ค.64) รวม 10,227,183 โดส ใน 77 จังหวัด แยกเป็นจำนวนผู้ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 7,364,585 ราย จำนวนผู้ฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม 2,862,598 ราย
และหากนับจากวันที่ 7 มิถุนายน 2564 วันแรกฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ มียอดฉีดวัคซีนแล้วรวม 6,126,662 โดส แยกเป็น จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 4,594,338 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม 1,530,324 ราย
อย่างไรก็ตามหากรวมทั้งประเทศ มีประชากรได้รับเข็มที่ 1 แล้ว 7,364,585 ราย ครอบคลุม 10.22% เข็มที่ 2 จำนวน 2,862,598ราย ครอบคลุม 3.97% รวมเป้าหมาย 50,000,000 คน ได้รับเข็มที่ 1 แล้ว 7,364,585 คน (14.7%X ได้รับเข็มที่ 2 แล้ว 2,862,598 คน(5.7%)
นอกจากนี้ นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ยังออกมาเปิดเผยถึงผลการฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้น 10,227,183 โดส มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 7,364,585 ราย วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 2,862,598 ราย ซึ่งเป็นวัคซีนของซิโนแวก 6,403,172 โดส แอสตร้าเซนเนก้า 3,766,190 โดส และซิโนฟาร์ม 57,830 โดส
