แกนนำไม่สนโควิด ยอดติดเชื้อพุ่ง!? บช.น.จัดหนักแน่ “ม็อบ 2-3 ก.ค.” ชุมนุมเกิน 20 คน ฟันผิดหมด ริบรถ “Car Mob”ป่วนทำเนียบฯ

2639

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 ในเพจเฟซบุ๊ก “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration” ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนให้ออกมาชุมนุม

โดยระบุว่า “ในกลียุคเช่นนี้ ร้านค้า/ผู้ประกอบการท่านใดกำลังลำบากบ้าง? จะดีกว่ามั้ยถ้ามาไล่ประยุทธ์และขายของได้พร้อม ๆ กัน! พบกันศุกร์ที่ 2 ก.ค. นี้ 16:00 น.- 22:00 น. เปิดตลาดราษฎรพร้อมขับไล่เผด็จการ

โดยต่อมาได้มีบรรดาแกนนำ อย่าง เพนกวิน รุ้ง และไมค์ โพสต์ข้อความปลุกระดมมวลชนให้ออกมารวมตัว ซึ่งทางเพนกวิน ระบุว่า “ประกาศเชิญชวนล่วงหน้า ศุกร์นี้ผมและเพื่อน ๆ จะไปไล่ประยุทธ์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องราษฎรทุกคนมาไล่ประยุทธ์ด้วยกัน รายละเอียดและสถานที่จะแจ้งให้ทราบวันพรุ่งนี้ ใครไม่อยากก้มหน้าทนรัฐบาลบักคู่แล้วกรุณาเตรียมยืดเส้นยืดสายรอ ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ขายที่เดือดร้อนจากการทำงานของรัฐบาลนี้ โปรดเตรียมของมาเปิดตลาดขายกันโดยพร้อมเพรียง”

 

ทั้งนี้ยอดติดเชื้อโควิดยังเพิ่มสูงขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้ออย่างมาก โดยยอดล่าสุด 2 ก.ค. 64 มีรายงานคนเสียชีวิต 61 ราย ติดเชื้อพุ่ง 6,087 ราย ท่ามกลางข่าวที่มีหนุ่มอ้างว่า ตนเองไปร่วมม็อบเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64 มา แล้วได้โควิดมาเป็นของแถม ไม่คุ้มและขอไม่ไปร่วมด้วยอีกแล้ว และขอเตือนเพื่อน ๆ ว่าอย่าออกไปในช่วงนี้

ขณะที่ทางด้านพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มราษฎร ในวันนี้ เวลา 16.00 น. โดยนัดรวมตัวที่แยกอุรุพงษ์ เดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ตามถนนพิษณุโลก “เปิดท้ายวันศุกร์รุกไล่เผด็จการนะจ๊ะ #ม็อบ2กรกฎา” และในวันเสาร์ที่ 3 ก.ค. 2564 มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้

1. กลุ่มประชาชนคนไทย โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ เวลา 15.00 น. นัดรวมกลุ่มที่แยกอุรุพงษ์ แล้วเดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก

2. กลุ่มไทยไม่ทน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ เวลา 16.00 น. นัดรวมกลุ่มที่แยกผ่านฟ้า แล้วเดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ตามถนนนครสวรรค์ ขับไล่นายกรัฐมนตรี

3. กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เวลา 17.00 น. นัดรวมกลุ่มทำกิจกรรม Car Mob ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขับขี่รถไปทำเนียบรัฐบาล เปิดไฟกระพริบพร้อม บีบแตร ขับไล่นายกรัฐมนตรี

กรณีดังกล่าวที่มีการเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม ในวันที่ 2 ก.ค.64 ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มราษฎร ที่มีลักษณะเป็นการเปิดท้ายขายของคล้ายตลาดนัด โดยอ้างว่าเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้ทำมาหากินนั้น กรณีดังกล่าวเป็นการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงในเขตพื้นที่ กทม.

ทั้งนี้ได้มีข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 26 มิ.ย. 2564 และประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 34 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 2564 เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรวมกลุ่มหรือทำกิจกรรมมากกว่า 20 คนจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งแกนนำและผู้ร่วมชุมนุม และหากมีการกระทำความผิดในส่วนอื่นเพิ่มเติมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย นอกจากนี้การรวมตัวขายสินค้าต่าง ๆ โดยปิดถนนสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร

ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโรงเรียน, โรงพยาบาล, ชุมชน และสถานที่ราชการ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น และทางกองบัญชาการ ตำรวจนครบาลจะจัดเจ้าหน้าที่บันทึกภาพ และเสียง ตลอดจนพฤติกรรมผู้ที่มาเปิดแผงค้าขาย สินค้าต่าง ๆ ที่ปิดการจราจร หรือละเมิดกฎหมายและจะนำตัวมาดำเนินคดีทุกราย

ในส่วนของวันที่ 3 ก.ค.64 ที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่มีลักษณะเป็นการรวมกลุ่มขับรถเป็นขบวนไปตามท้องถนนหลายคัน ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ได้รับความสะดวก หรือทำให้การจราจรติดขัด อีกทั้งจะก่อให้เกิดเสียงดังอื้ออึง ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนผู้อื่น และรถที่ใช้ในการชุมนุมถือว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้หรือเพื่อใช้ในการกระทำผิด อาจเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนยึดไว้เพื่อประกอบการดำเนินคดี และอาจพิจารณาขอให้ศาลสั่งริบตามกฎหมาย

ซึ่งอาจจะเป็นความผิดขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 และในส่วนของกลุ่มประชาชนคนไทย และกลุ่มไทยไม่ทน ที่มีลักษณะเป็นการชุมนุมและเคลื่อนขบวนไปตามถนนก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และหากมีผู้ร่วมกิจกรรมเกินกว่า 20 คน ก็จะมีความผิดตาม พรก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 25 จึงอยากจะเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นการเข้าร่วมการชุมนุม เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคระบาดแล้วนำไปแพร่กระจายต่อได้โดยง่าย