มีหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า COVID 19 เป็นสงครามชีวภาพหรือสงครามเชื้อโรคแห่ง ศตวรรษที่ 21 เพื่อการบรรลุต่อเป้าหมายของ “ Roman Empire Model” ของสหรัฐฯ
จากหลักฐานทางวิชาการพบว่า อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยใช้งานวิจัยเพื่อผลิตเชื้อไวรัส COVID 19 จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเองชี้ชัดว่า ทรัมป์สั่งการให้ผลิตเชื้อโรคขึ้นมา โดยทำการทดลองให้มีการระบาดของเชื้อโรคที่สหรัฐฯ ก่อนโดยใช้ทหารเป็นหนูทดลองที่ค่ายทหาร จากการเปิด เผยของแหล่งข่าวทราบว่าทหารสหรัฐฯที่ทดลองให้ติดเชื้อถูกส่งไปแข่งขัน กีฬาทหารโลกที่นครอู่ฮั่นของจีน ทั้งนี้เพื่่อที่จะให้ชื่อของโรคระบาดเป็นชื่อของจีนเป็นชื่อ “ไวรัสอู่ฮั่น” แทนที่จะเป็น “ไวรัสแคโรไลนา” ตามเมืองที่พบการระบาดจากการทดลองให้มีการระบาดครั้งแรก
จากการศึกษาทฤษฎีทางยุทธศาสตร์พบว่า เชื้อโรคถูกแพร่กระจายและสร้างความหวาดกลัว ในประเทศจีนเพื่อหยุดยั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน อันที่จะทำให้จีนสามารถเติบโตเป็นมหาอำนาจ เบอร์หนึ่งของโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ได้ เป็นการดับฝัน BRI ของจีนโดยสิ้นเชิง ตามแนวความคิด ของ ทฤษฎีสัจนิยมเชิงรุก (Offensive Neo-Realism)ของ John F.Mearsheimer นักทฤษฎีความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
เชื้อโรคมุ่งตรงไปจัดการกับ EU เพื่อบ่อนทำลายความแข็งแกร่งด้านพลังอำนาจแห่งชาติของ EU ที่หาญกล้าจะขึ้นมาท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ ทำให้เห็นว่าประเทศที่เป็นแกนนำทั้งหลายของกลุ่ม EU ต้องติดเชื้อกันระนาว เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี สเปน และอังกฤษที่มีปฏิสัมพันธ์กับ EU รวมทั้ง ประเทศอื่นๆ ด้วย จะทำให้กลุ่ม EU ไม่มีท่าทางที่จะท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ อีกต่อไป
กลุ่ม BRICS ที่มีแกนนำเป็นจีน รัสเซีย จะต้องถูกทำให้ติดเชื้ออย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้สามารถรวมตัวกัน กลาย เป็น ขั้วอำนาจใหม่ที่จะท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ ในอนาคตได้ ดังนั้นประเทศในกลุ่ม BRICS ต้องติด เชื้ออย่างรุนแรงทุกประเทศเช่น บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และ ต่อไปจะเป็นประเทศในกลุ่มทวีป แอฟริกาและแอฟริกาใต้ ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีสัจนิยมเชิงรุกของ John Mearsheimer เช่น เดียวกัน
ประเทศอื่น ๆ จะถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อเพื่อให้เกิดความกลัวจากการติดเชื้อ และตกเป็นลูกค้าจากการบีบบังคับให้ซื้อวัคซีน และยาที่ผลิตโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรโดยปริยาย ซึ่งวัคซีนของประเทศฝ่ายตรงข้ามต้องถูกกีดกัน เงินจะไหลเข้าสหรัฐฯ จำนวนมากในอนาคตซึ่งนอกเหนือจากสหรัฐฯ ได้เงิน เข้าประเทศแล้วยังเป็นเสมือนพระเจ้าของประเทศที่เป็นลูกค้าอีกด้วย นอดคล้องกับแนว ความคิดของ มาฮานที่กล่าว่า “สงครามไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นธุรกิจ”
สหรัฐฯ ต้องมีภาพของผู้ที่ติดเชื้ออยู่เพื่อขจัดข้อสงสัยของชาวโลกต่อสหรัฐฯ ผู้ผลิตและแพร่ เชื้อโรค สอดคล้องกับแนวความคิดทางยุทธศาสตร์ของ ซุน วู ที่กล่าวว่า “ …..all warfare is based on deception….”
ไข้หวัดใหญ่สเปนเมื่อ 102 ปีในอดีตเป็นตัวอย่างที่สามารถทำให้เกิดความเข้าใจการระบาดของ COVID 19 ได้เป็นอย่างดี โดยที่
– ไวรัส กำเนิดที่สหัฐฯ ในค่ายทหารโดยใช้ทหารเป็นพาหะนำเชื้อเพื่อแพร่ กระจายไปยังเป้าหมาย
– ทหารสหรัฐฯ นำเชื้อโรคขึ้นฝั่งที่สเปนแล้วแพร่เชื้อในสเปน ได้ชื่อว่าไข้หวัดสเปน แล้วแพร่ กระจายไปยังภาคพื้นยุโรปเพื่อมุ่งจะทำลายความเข้มแข็งของภาคพื้นยุโรปในเวลานั้นตาม “มหายุทธศาสตร์ 100 ปีของสหรัฐฯ โดยใช้ไข้หวัดสเปน”
– ไข้หวัดสเปนระบาดในภาคพื้นยุโรปหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วมีคนเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก อันเป็นการสั่นคลอนความแข็งแกร่ง ของยุโรปในขณะ นั้น อย่างมาก
– อีก 21 ปีต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วทั้งยุโรปเสียหายย่อยยับทำให้พลังอำนาจ แห่ง ชาติโดยรวมของยุโรปเสื่อมถอยลงอย่างมากจนกระทั่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯ ตาม Marshall Plan ซึ่งสหรัฐฯ สามารถควบคุมยุโรปได้
– เมื่อเข้าสู่ยุคสงครามเย็นสหรัฐฯ ใช้ยุทธศาสตร์การปิดล้อม และใช้ความเหนือกว่าทางด้าน พลัง อำนาจทางทะเลที่สูงกว่า ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายสหรัฐฯ ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นมหา อำนาจ หนึ่งเดียวของโลก เป็นการบรรลุต่อ “มหายุทธศาสตร์ 100 ปีด้วยไข้หวัดสเปน” มาตั้งแต่ต้นในที่สุด
– สหรัฐฯ ต้องการดำรงความยิ่งใหญ่ไว้อย่างยั่งยืนโดยใช้ “ Roman Empire Model” ที่ดำรง ความยิ่งใหญ่มาได้นับพันปีแต่เมื่อจีนผงาดขึ้นมาท้าทายอำนาจสหรัฐฯจำเป็นต้องสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นเพื่อ รักษาอำนาจอันดับหนึ่งไว้ให้ได้
– การใช้สงครามชีวภาพ COVID 19 เป็นการลดทอนพลังอำนาจของมหาอำนาจต่าง ๆ ที่ กำลังขึ้นมาท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ เช่น การติดเชื้อของกลุ่มประเทศในยุโรปก็เพราะสหรัฐฯ ต้อง การจะจัดการกับ EU และประเทศในกลุ่ม BRICS ก็ต้องติดเชื้อเช่นเดียวกัน
ทางรอดของประเทศไทย
1) คล้อยตามประเทศมหาอำนาจเพื่อการดำรงอยู่ของประเทศขนาดเล็กอย่างประเทศไทย เช่น อาจพิจารณาใช้ ยุทธศาสตร์ลู่ลม ( Bending Strategy) ยุทธศาสตร์การเข้ากับฝ่ายชนะ ( Bandwagoning Strategy) หรือ บางครั้งอาจพิจารณาใช้ ยุทธศาสตร์ การสร้างความสมดุล ( Balancing Strategy)
2) พิจารณาใช้แนวทางในการทำตัวให้อยู่รอดจากสถานการณ์การระบาดของ COVID 19 จากแนว ทางของจีนที่ได้นำเสนอไปแล้ว เรื่องการดื่มน้ำชาร้อน การดื่มนมร้อน การอาบน้ำร้อน รวมถึงการ สูดไอ น้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค หรือไม่ก็พิจารณาใช้แนวทางของประเทศเวียดนามที่ได้นำเสนอเป็นตัวอย่าง ซึ่งรัฐ บาลอาจกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อดำเนินการปกป้องคนไทยทั้งประเทศอย่างเข้มงวดจะทำให้ประเทศไทย และคนไทยหายจากการป่วยเพราะติดเชื้อ และปลอดภัยจากการติดเชื้อได้
3) พิจารณาการใช้สมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ที่มีหลักฐานว่าสามารถต้านไวรัส COVID 19 อย่างได้ผล หรือสมุนไพรอื่นๆ ทั้งนี้เพราะประเทศไทยเป็นจ้าวแห่งสมุนไพรของโลก สมุนไพรไทยจะ ช่วย รักษาชีวิตของคนไทยและทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกทำลายโดยยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจได้
4) สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจรากหญ้า ประเทศไทยมีปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของรัช กาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานไว้ ซึ่งจะเป็นการทำให้ประชาชนไทยในระดับ พื้นฐานของประเทศ ดำรงอยู่ได้ ในสภาวะไม่ปกติเช่นนี้
5) อย่าหวังพึ่งวัคซีน เพราะวัคซีนเป็นเพียงแค่กลอุบายของมหาอำนาจเพื่อ การดึงเงินเข้าประเทศ ของตน มหาอำนาจโดยการสนับสนุนของกลุ่มทุนอาหารและยาสนับสนุนให้สหรัฐฯ สร้างสงครามชีวภาพ เพื่อที่กลุ่มทุนอาหารและยาจะได้ขายยาที่เป็นลักษณะการผูกขาดในตลาดโลก เพื่อนำเงินเข้าสู่กลุ่มทุนดัง กล่าวนอกจากนั้น กลุ่มทุนด้านการเงินและการประกันภัยต่าง ๆ ยังรอรับอานิสงค์ของชาวโลกที่เกิดความ หวาดกลัวต่อโรคร้ายที่ถูกสร้างขึ้นจนต้องควักเงินจากกระเป๋าเพื่อจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยจากไวรัส COVID 19 เราอาจทำพอเอาตัวรอดไม่ให้ประเทศมหาอำนาจลงโทษรุนแรง แต่เราต้องรู้ว่าใครทำอะไรกับเราอยู่
ขอขอบคุณแหล่งที่มา: https://sopon462.rustanyou.org