เปิดใจ “บะหมี่” เจ้าของแคมเปญเปิดร้านอาหาร เตรียมจัด “แฟลชม็อบ” อึ้ง!! ฝักใฝ่ม็อบสามนิ้ว เคยขึ้นเวทีหน้าเรือนจำ โพสต์โจมตีรบ.-นายกฯมาตลอด!
จากกรณีที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่คำสั่ง ศบค.สั่งงดรับประทานอาหารที่ร้าน ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก็มีการจัดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ทำให้ช่อออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “เซเว่นยังเปิดได้ทำไมร้านอาหารจะเปิดไม่ได้! เมื่อกฎหมายอยุติธรรม เป็นหน้าที่พลเมืองที่จะต่อต้าน ใครอยากร่วมแคมเปญเชิญกดลิงค์เข้าไปร่วมลงชื่อได้เลยค่ะ #กูจะเปิดมึงจะทําไม”
ต่อมาทางเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ เจ้าของแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม โดยระบุข้อความว่า น.ส.ประภาวี เหมทัศน์ หรือ บะหมี่ เจ้าของแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม เผยที่มาของกิจกรรม ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เพื่อนหลายคนที่ทำธุรกิจร้านอาหารกลางคืนและจำหน่ายแอลกอฮอล์ ซึ่งพยามปรับตัวมาเป็นอาหารปกติทั่วไป แต่ล่าสุดก็ยังได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน จึงทำให้ตนเองรู้สึกโกรธ และมองว่าทำไมร้านอาหารต้องยอมกับคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน จึงเป็นที่มาของการพิมพ์ระบายลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังคำสั่งออก
น.ส.ประภาวี กล่าวว่า สิ่งที่ต้องใช้ในตอนนี้ คือความกล้าหาญ นี่ไม่ใช่การยื่นหนังสือ การส่งเสียงเรียกร้อง แต่คืออารยะขัดขืน ซึ่งเป็นสันติวิธีในการประท้วงอย่างแท้จริง ที่ผ่านมามีคนติดจากร้านอาหารก็มี แต่เมื่อเทียบสัดส่วนแล้ว ไม่เท่ากับแคมป์คนงาน การลักลอบเข้าเมือง หรือบ่อนการพนัน จึงอยากให้รัฐบาลนำตัวเลขมาเปรียบเทียบ ซึ่งส่วนตัวเธอเชื่อว่ามีไม่ถึง 10% ที่ติดโควิดจากร้านอาหาร หรือหากติดจากร้านอาหารจริง ก็สามารถระบุเจาะจงร้านได้ และควบคุมการระบาดได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่นๆด้วยซ้ำ และปัจจุบันไม่ว่ากิจกรรมใดในสังคมไทย ล้วนมีความเสี่ยงทั้งนั้น แต่หากยังเสี่ยงให้คนอดตายด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่
ส่วนกรณีที่มีคนเตือนว่าอาจเข้าข่ายความผิดกฎหมาย หรืออาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมระบบสาธารณสุข น.ส.ประภาวี มองว่า หากตนกลัวก็คงไม่ทำ และอยากบอกว่าความกลัวมันจะถูกปลดปล่อยออกไป เมื่อโดนกดขี่มากขึ้น และถ้าผู้คนกลัวคงไม่มีคนออกมาแสดงพลังมากขนาดนี้ พร้อมกันนี้ ยังบอกว่า ในหลายประเทศทั่วโลก ก็มีการล็อกดาวน์ หรือ ให้ผู้ประกอบการปิดร้านค้า ซึ่งการกระทำเหล่านี้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการทำมาหากิน ซึ่งตามแนวทางจะต้องมีการเจรจา และการชดใช้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีการเยียวยาที่เพียงพอ แต่เป็นการให้เงินเพียง 2,000 ถึง 3,000 บาท ซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ร้านต้องแบกรับ ในความเห็นส่วนตัวมองว่า ควรจะให้ร้านอาหารกลับมาเปิดนั่งรับประทาน เพราะที่ผ่านมาร้านให้ความร่วมมือมาตลอด และหากนั่งรับประทานในร้านและมีคลัสเตอร์เกิดขึ้น ก็จะต้องมีคลัสเตอร์ร้านอาหารมากกว่า 100 แห่งแล้ว แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเปิด หรือปิด ตัวเลขของผู้ติดเชื้อก็ยังเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งแทบจะไม่เกี่ยวกับการนั่งรับประทานในร้านเลย
ล่าสุดตอนนี้ มีร้านเข้าร่วมแคมเปญมากกว่า 200 แห่ง โดยร้อยละ 90 เป็นร้านในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งมีตั้งแต่ร้านข้าวมันไก่ ร้านลาบ ร้านส้มตำ ร้านกาแฟ ร้านชานม รวมถึงร้านขนาดใหญ่ด้วย โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มเฟสแรกด้วยการจัดกิจกรรม Flashmob ดาวกระจายในหลายๆร้าน ในหลายพื้นที่ ที่ร่วมลงทะเบียนมาเปิดกิจกรรม มีการขายเครื่องดื่ม อาหารกลับบ้าน และเปิดพื้นที่ให้เล่นดนตรีแบบ unplugged และมีการปราศรัยโดยไม่ใช้เครื่องขยายเสียง ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้มาสนับสนุนร้านค้าเหล่านั้น ส่วนนักดนตรีที่ขาดรายได้ ไม่มีที่เล่นมานาน ก็จะมีที่เล่นและมีผู้สนับสนุน โดยใน 1 วันจะทำเป็นดาวกระจายในหลายๆร้าน ในหลายพี้นที่
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบของทีมข่าวเดอะทรูธ โดยได้เข้าไปตามที่เฟซบุ๊กของน.ส.ประภาวี เหมทัศน์ หรือ บะหมี่ เจ้าของแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ก็พบมีการเคลื่อนไหว ที่สอดคล้องกับกลุ่มม็อบราษฎร เช่น การโพสต์ ข้อความ โพสต์ภาพ และเคยขึ้นเวทีม็อบเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปีที่แล้ว โดยเจ้าตัวเคยโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า
#รีวิวขึ้นเวทีม็อบครั้งแรก
ก่อนอื่นต้องขอบคุณชาวหมู่บ้านคราฟท์เบียร์และอีกหลายๆ คนที่ส่งกำลังใจรอลุ้นดูไลฟ์กันตั้งแต่ 2-3 ทุ่ม โปรแกรมโดนเลื่อนมาเรื่อยๆ จนได้ขึ้นเวทีตอนเกือบๆ เที่ยงคืน (ดังที่สัญญาไว้) แต่ไม่มีไลฟ์ให้ดูแล้วจ้าาาา ประชาไทบายไปไหนไม่รู้ก่อนพอดี ที่รอๆ กันก็เลยอดดูจนได้ เพื่อนๆตรงนั้นบางคนแบตหมด บางคน stand by ช่วยแจกใบปลิว ไม่มีคนถ่ายคลิปเลย ก็ต้องขออภัยชาวหมู่บ้านมา ณ ที่นี้ด้วยจริงๆ
จริงๆ เตรียมสคริปต์ไปพอสมควร ตอนนั่งรอขึ้นเวทีก็คิดๆ ว่า เอ๊ เราจะเล่นมุข กล้ามาก ขอบใจมาก ดีไหม หรือจะเล่นมุขว่าภาษีเหล้าเบียร์ไปกลับเยอรมันได้กี่รอบดี แต่ขอบคุณพี่ตูนที่ห้ามปราม
สุดท้าย ขึ้นเวที ลืมสคริปต์หมด มีหลายอย่างลืมพูด จริงๆ อยากให้เครดิตน้องๆ เยาวชนที่ออกมาม็อบและพี่น้องในเรือนจำมากกว่านี้ แต่มันลืมจริงๆ พูดแป๊บเดียวหมดเวลา 15 นาทีแล้ว เรียกว่า อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำแต่จำไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เราได้ด่า สสส สคอ (สำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ด่าประยุทธ์ ด่าโครงสร้างอำนาจนิยม เผื่อพวกท่านเรียบร้อย แถมแจกใบปลิวให้ไปช่วยกันลงชื่อแก้กม.ด้วย
หนึ่งอย่างที่รับปากไว้บนเวทีก็คือ ชาวสุราปลดแอกจะสู้ต่อกับพวกเขาจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา หวังว่าชาวเราจะช่วยกันยึดคำมั่นสัญญานี้ เพราะตราบใดที่ประเทศนี้ยังไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เรื่องเหล้าเบียร์ก็จะถูกอำนาจนิยมและความเป็นคนดีกดขี่แบบนี้เรื่อยไปแน่นอน
คาดว่ายังไม่ต้อง #savebamee เพราะไม่มีไลฟ์และยังไม่ได้พูดอะไรโหดมากนัก ไว้ถ้ามีโอกาสค่อยจัดหนักจัดเต็มอีกทีค่ะ นับถือใจน้องๆ ทีมงานมาก ขอบใจ หนึ่ง ชาติชาย ไพรลิน ที่ช่วยประสานให้ มีอะไรให้ช่วยก็ว่ามานะ ขอบคุณทุกคนที่ไปด้วยและอยู่รอจนจบ
สู้ต่อไปนะทุกคน กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ
ปล.รูปมันดี มีพลังจังเว้ย
#สุราปลดแอก #นอนแคมป์ไม่นอนคุก #ปล่อยเพื่อนเรา ถ้าไม่ปล่อยก็จง #มาเอากระโปรงกูไปใส่