ปธน.สี จิ้นผิงหารือทวิภาคีกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อกระชับสัมพันธ์แน่นจีน – รัสเซีย ให้แฟ้นยิ่งขึ้น เป็นการยกหูคุยกันรอบที่ 4 นับแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันสนับสนุนซึ่งกันและกัน ต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก ปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในการพัฒนาของทั้งสองชาติ พร้อมร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคี ต่อต้านอำนาจครอบงำมหาอำนาจเดี่ยว โอกาสนี้เป็นการหารือกันก่อนการฉลองวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครบรอบ 100 ปีวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึงนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มิ.ย.2564 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้หารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำแห่งรัสเซีย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์
ผู้นำทั้งสองได้กล่าวเน้นย้ำถึงการกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสอง และได้ออกแถลงการณ์ร่วมประกาศขยายสนธิสัญญาความร่วมมือฉันท์มิตร และการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างจีน และรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวมีขึ้น 3 วัน ก่อนที่จีนจะฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมนิวนิสต์ และเป็นการสนทนาเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างผู้นำจีนและรัสเซียในรอบ 6 สัปดาห์ รวมทั้งมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ประชุมสุดยอดแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกกับปธน.ปูติน ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา
ผู้นำรัสเซียและผู้นำจีน แสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่าง 2 ประเทศ และประกาศขยายเวลาสนธิสัญญามิตรภาพที่มีมานาน 20 ปี ออกไปอีก 5 ปี นับเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีครั้งล่าสุด ท่ามกลางความตึงเครียด ระหว่าง 2 ประเทศกับกลุ่มชาติตะวันตก
ด้านสนธิสัญญาที่ลงนามในกรุงมอสโก เมื่อเดือน ก.ค. 2544 นั้นได้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับปักกิ่ง แน่นแฟ้นในระดับที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ได้ตกลงขยายออกไปอีกเป็นเวลา 5 ปี และการประสานนโยบายต่างประเทศ ของรัสเซียและจีน จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพโลก
ทางด้านสี กล่าวย้ำความสำคัญของ “ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์” ระหว่างมอสโกกับปักกิ่ง ในการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน บนเวทีโลก และกล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมมือกัน ส่งเสริมพหุภาคีนิยม และความยุติธรรมโลก อย่างแท้จริง
ในระหว่างการสนทนาทางไกลเมื่อวันจันทร์ ปูตินได้แสดงความยินดีกับสี เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง ครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันพฤหัสบดี (24 มิ.ย.) พร้อมกับยกย่อง จีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จนก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของโลกในปัจจุบัน