ปารีณา หยิกรัวๆวิรัช! ซัดลูกผู้ชาย กระทืบซ้ำคนล้ม ถามให้ครอบครัวได้นั่งทุกตำแหน่งหรือ??

2820

จากที่เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 เอ๋ หรือ ปารีณา ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า อยากให้มันตาย เรื่องในพรรค ไม่ต้อง inbox มาถาม จากนั้นก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดอะไรในพลังประชารัฐ กระทั่งระดับบิ๊กคนหนึ่งออกมาตอบโต้??

ทั้งนี้หลังจากที่ นางสาวปารีณา ออกมาโพสต์ข้อความโจมตีบุคคลในพรรคพลังประชารัฐ ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2564  นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา ที่ได้โพสต์ในลักษณะ มีความขัดแย้งภายในพรรคเกี่ยวกับตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการงบประมาณ ว่า ในส่วนนี้ต้องยอมรับบางคนอยากเป็นประธาน พอไม่ได้ดั่งใจก็เป็นแบบนั้น โดยตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการ อยู่ที่ความรับผิดชอบและวุฒิภาวะที่ผู้ใหญ่เห็น ส่งลงมา ตนมีหน้าที่แค่ต้องปฏิบัติตาม ส่วนเรื่องอื่นตนไม่ทราบ เพราะงานในมือมีจำนวนมาก

เมื่อถามว่า ถือเป็นปัญหาความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ เพราะน.ส.ปรีณาโพสต์ข้อความค่อนข้างแรง นายวิรัช  กล่าวว่า น.ส.ปารีณา ก็เป็นปัญหามาตลอดอยู่แล้วอย่าไปพูดอะไรมาก ปล่อยเขาไป อยากคิดอยากทำอะไร ก็อยู่ที่ตัวเขาเอง

เมื่อถามว่า ผู้ใหญ่ต้องเรียกคุยหรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า จะเรียกคุยหรือไม่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่ต้องเรียกคุย เพราะเขาอยากทำอะไร เขาทำได้ แค่ไหนก็แค่นั้น จะมาเปลี่ยนแปลงหรือเรียกร้องอะไรคงเป็นไปไม่ได้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า คนที่น.ส.ปารีณา โพสต์ถึงคือนายวิรัชนั้น นายวิรัช กล่าวว่า เขาคงคิดว่าตน จะเป็นคนกำหนด แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ มีคณะกรรมการดูแลคนที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง แต่หากเขาคิดว่าเขาทำถูก ก็คงจะมีโอกาส แต่นี่ไม่มีโอกาสแล้ว ก็แล้วว่าเขาจะคิดว่าอย่างไร

เมื่อถามอีกว่า น.ส.ปารีณา ก็เคยเป็นคนที่นายวิรัชดูแลอยู่ นายวิรัช กล่าวว่า เวลาเขาไม่สมหวัง ไม่สมเจตนารมณ์ มันก็มีบ้าง ก็ประคองเขาไปไม่ได้โกรธอะไร เพราะที่ผ่านมาก็โดนหนักกว่านี้มาเยอะ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนเรื่องแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเราไม่โต้ตอบก็ปล่อยเขา เขาจะว่าอย่างไรเราก็ไม่โต้ตอบ

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ปรากฏว่า นางสาวปารีณา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีนายวิรัช อีกหลายข้อความดังนี้

#เสร็จศึกฆ่าขุนพล #อหวร เมื่อลูกชายได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ควรจะพอแล้ว จะเอาทุกตำแหน่งเลยหรือไงคะ

ลูกผู้ชาย คือ คนที่พร้อมจะกระทืบซ้ำ ทุกคนที่ล้ม #อหวร

วุฒิภาวะ คือการให้ครอบครัว ได้มานั่งทุกตำแหน่ง#อหวร

คดีทุจริตสนามฟุตซอลเกิดขึ้นที่กรรมาธิการนี้ ระหว่างแปรญัตติหากจำเลยได้กลับมาเป็นประธานอนุฯ คือ วุฒิภาวะค่ะ

กระนั้นเมื่อทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบถึงความขัดแย้งดังกล่าว ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ก็พบว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ช่วงเวลาเย็นนั้นที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ได้แถลง กมธ.งบได้มติแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ จำนวน 10 คณะ และมีประเด็นที่สำคัญ คือ 1.คณะอนุกมธ.ฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ งบดำเนินงาน งบเงินอุดหนุน และงบรายจ่ายอื่น วงเงิน 178,691.61 ล้านบาท มีนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ภรรยานายวิรัช นั่งเป็นประธาน

ขณะที่คณะอนุกมธ.ข้อสังเกต มี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นประธาน โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า มีกมธ.บางคนไม่สบายใจ เพราะไม่มีการปรึกษาหารือกัน ส่วน น.ส.ปารีณา ก็ไม่ทราบว่าตนเองมาเป็นประธานอนุกมธ.นี้ได้อย่างไร

นั่นเองก็ปรากฏมีรายงานข่าวจาก กมธ.ระบุว่า เมื่อช่วงดึกของวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ และนายวิเชียร ชวลิต กมธ.งบ ได้มีการถกเถียงกัน เรื่องการตั้งคณะอนุ กมธ. โดย กมธ.ฝั่งพรรคพลังประชารัฐเสนอให้มีการตั้งคณะอนุ กมธ.จากเดิมที่มี 6 คณะอนุฯ 2 บูรณาการ ให้เป็น 8 คณะอนุฯ 2 บูรณาการ รวมเป็น 10 คณะ

ด้านน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. ตั้งข้อสังเกตว่าคณะอนุฯ เช่น คณะที่ 9 มีวงเงินพิจารณาเพียง 6 หมื่นล้านบาท ขณะที่คณะอนุฯ ที่ 1 มีวงเงินให้พิจารณากว่า 3 แสนล้าน ซึ่งดูแล้วมีความเหลื่อมล้ำกัน

นอกจากนี้ทีมข่าวเดอะทรูธ ยังพบว่า สำหรับตัวนายวิรัช นั้นมีคดีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีความเห็นสั่งฟ้อง นายวิรัช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับพวก และได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีข้อไม่สมบูรณ์ จึงได้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีร่วมกันระหว่างอัยการและ ป.ป.ช. โดยก่อนหน้านี้ อสส.มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายวิรัชแล้ว 1 สำนวน