จากเอกสารของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ระบุว่า มีรายงานพบผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 1,200 รายที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นาและเชื่อมโยงอาการโรคหัวใจในเด็กผู้ชายและคนวัยหนุ่ม ขณะที่รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว เกือบ 3,800 ราย ผู้เชี่ยวชาญยืนยันคาดไว้แล้ว และยังต้องทำการศึกษาต่อ
มีรายงานว่า วัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาย มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา
ทั้งนี้ ผู้ป่วยจำนวน 267 รายมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาจำนวน 1 เข็ม และจำนวน 827 รายมีอาการดังกล่าว หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วย 132 รายที่มีอาการเช่นกัน แต่ไม่มีการระบุว่าได้รับการฉีดวัคซีนกี่เข็ม
อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีอาการดังกล่าวส่วนใหญ่ หรือราว 80% จะมีอาการดีขึ้นจนเป็นปกติ หลังจากที่ได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค และจากบริษัทโมเดอร์นา เป็นวัคซีนชนิด 2 เข็มที่ใช้เทคโนโลนี mRNA ทั้งคู่ และทาง CDC ได้ออกคำเตือนด้านผลข้างเคียงของวัคซีนต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบไปเพิ่มเติมแล้ว
สำนักข่าว ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานอ้างข้อมูลจาก สำนักงานสาธารณสุขของรัฐแมสซาชูเซตส์ ในสหรัฐฯ ว่า จนถึงเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วที่ 3,791 ราย จากจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วทั้งหมด 3.7 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 1 ใน 1,000
“เราพบว่ากรณีการติดเชื้อหลังได้รับวัคซีน (breakthrough infection) จำนวนมาก เป็นแบบไม่มีอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อยและเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ” ดร.เดวิดสัน แฮเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโรคติดต่อจากมหาวิทยาลัยบอสตันกล่าว พร้อมยืนยันว่า ปริมาณไวรัสในเลือดของผู้ติดเชื้อประเภทนี้ไม่สูงมากนัก
“การติดเชื้อหลังได้รับวัคซีนเป็นเรื่องที่คาดไว้แล้ว และเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดีขึ้นว่ากลุ่มเสี่ยงคือใคร และผู้ที่ติดเชื้อหลังได้รับวัคซีนสามารถส่งผ่านเชื้อให้คนอื่นได้หรือไม่” ดร.แฮเมอร์กล่าวต่อ “ในบางกรณี ผู้ที่ฉีดครบโดสจะปล่อยไวรัสออกมาในระดับที่ต่ำมากจนไม่ติดต่อสู่คนอื่น”
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า ผลการศึกษาทางคลินิกเป็นวงกว้างพบว่า การฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะป้องกันคนส่วนใหญ่จากการติดเชื้อมรณะชนิดนี้ แต่ยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่มีประสิทธิภาพป้องกัน 100% และมีโอกาสเล็กน้อยที่ผู้ฉีดวัคซีนครบกำหนดแล้วจะล้มป่วย, เข้าโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตเพราะไวรัสโคโรนาได้
ตัวอย่างอีกประเทศหนึ่งคืออิสราเอลที่ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคก่อนใครและปัจจุบันฉีดให้กับประชากรได้มากเป็นอันดับต้นๆของโลก ก็ยังต้องเผชิญปัญหาติดโควิด ล่าสุดนายกฯเบนเนตต์แห่งอิสราเอลกล่าวว่า วัคซีนลอตที่มีอยู่ในปัจจุบัน กำลังจะหมดอายุในวันที่ 9 ก.ค.นี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำอิสราเอล เกิดขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขรายงานสถิติผู้ติดเชื้อรายวัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พุ่งเป็น 125 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการตรวจพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์ ภายในโรงเรียนอย่างน้อย 2 แห่ง และผู้ป่วยบางคนติดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา
Fears of the Delta variant in Israel are pushing once-reluctant parents to now vaccinate their teenagers against COVID-19 https://t.co/GMPvkMxFJW pic.twitter.com/SizpGC3vep
— Reuters (@Reuters) June 22, 2021
แม้ 3 ใน 4 ของชาวอิสราเอลได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบแล้ว แต่การที่ประชากรส่วนที่เหลือยังไม่ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่เป็นเด็ก กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลมองว่า การฉีดวัคซีนของประเทศในระดับ 3ใน 4แล้ว “ยังไม่เพียงพอสร้างภูมิคุ้มกันหมู่”
ปัจจุบันอิสราเอลมีประชากรประมาณ 8.2 ล้านคน สถิติผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 840,079 คน เพิ่มขึ้น 89 คน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 6,428 ราย