ในหลวง ตรัส ตั้งใจช่วยปชช.อยู่ดี กินดี แต่ก็ยังโดนด่า ขณะพระอาจารย์สุธรรม แนะพระองค์ ผู้ที่คิดจะมาล้มล้างบารมีจะวิบัติไปเอง
จากกรณีที่การเคลื่อนไหว โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จนทำให้แกนนำคณะราษฎรที่คิดจะปฏิรูปสถาบันฯ โดยการจาบจ้วงเบื้องสูงจนถูกดำเนินคดีไปแล้วหลายคน
ล่าสุด พระสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนครรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้พูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้ง ในหลวงทรงนิมนต์พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ไปสนทนาธรรม ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระอาจารย์สุธรรมท่านอธิบายการเจริญสติเพื่อนำไปสู่สมาธิอย่างง่ายๆ โดยบอกว่า
“ผมก็ตั้งใจที่จะช่วยให้ประชาชนได้อยู่ดี กินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมก็ตั้งใจทำแบบนี้ตลอดไป
แต่เค้าก็ยังด่าว่า…ผมก็น้อยใจ…”
คือหนึ่งในเรื่องราวที่พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโมเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ ในช่วงที่หลวงปู่สนทนาธรรมกับพระองค์
ฟังแล้วน้ำตาคลอ…สงสารพระองค์ หลวงปู่เมตตาเล่าวิสัชนาตอบพระองค์ไปว่า…
“มหาบพิตรจะเสียใจไปทำไมเล่า ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น ในสมัยพระพุทธกาล พระพุทธองค์ก็ยังโดนเฉกเช่นเดียวกัน จนพระอานนท์กราบทูลพระองค์ให้ย้ายเมือง แต่พระพุทธองค์ทรงตอบพระอานนท์ไปว่า
ถ้าเราต้องย้ายหนีคำด่าว่าคนเมืองนี้ไปอยู่อีกเมืองแล้วโดนด่าว่าอีก แล้วเมื่อไหร่เราจะได้หยุด…
มหาบพิตร คือ สมมติเทพ คือ ผู้มีบุญมากมายเหลือคณานับ และยังทรงเพียรสร้างบุญบารมีเพิ่มอย่างต่อเนื่องจวบจนชาตินี้ คนกลุ่มน้อยเพียงไม่กี่เปอร์เซนต์นั้นไม่สามารถทำอะไรมหาบพิตรได้เลย เดี๋ยวพวกเค้าก็จะหยุดกันไปเองมหาบพิตรยังมีพสกนิกรที่รักและพร้อมที่จะปกป้องมหาบพิตรมากมายนับไม่ถ้วน กำลังใจจากเค้าเหล่านั้นมีคุณค่าต่อมหาบพิตรมากกว่า และมหาบพิตรก็เป็นกำลังใจสำคัญของเค้าเหล่านั้นเช่นกัน…”
ทั้งนี้ พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม ท่านบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีฝ่ายค้าน มีซ้ายมีขวาบ้าง พระพุทธรูปนั่งยังมีคนมาตำหนิ แต่คนตำหนิมีนิดเดียว คนที่ไปในทางฝั่งร้ายมันนิดเดียว แต่คนที่จงรักภักดี คนที่เชิดชู หนักแน่นมั่นคงในสถาบัน นั้นนับไม่ได้ เพราะฉะนั้นกลุ่มนิดเดียวไม่น่าหวั่นไหวหรอก เค้าอาจจะโง่ อาจจะยังไม่รู้สภาพความเป็นจริง หรือหลงตัวเองก็ได้ แต่ถ้าต่อไปเค้าอาจจะคลายความหลง อาจจะไปเห็นดีเห็นชอบเห็นงามในความถูกต้องก็ได้ ด้วยบารมีของในหลวง คิดดูว่าบารมีของในหลวงธรรมดามั๊ย พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าสมมติเทพ ถ้าไม่มีบารมี มาถึงขนาดชั้นเทพเทวดา จะมาเป็น 1 ใน 60 ล้านเหรอ 1 ใน 60 ล้านเนี่ย สร้างบารมีมาไม่ธรรมดาหรอก
ก็เลยบอกในหลวงท่านว่า มหาบพิตร, มหาบพิตรสร้างบารมีมามากมายก่ายกอง จึงมาถึงจุดนี้ได้ ซึ่งในทางพุทธศาสนาเรา พระพุทธเจ้าท่านก็เรียกว่าสมมติเทพ เพราะฉะนั้นบารมีมหาบพิตรที่สร้างมา แล้ว ปัจจุบันที่มหาบพิตรใส่ใจ สนใจในการประพฤติปฏิบัติธรรม มันเป็นบุญ เป็นบารมีที่สวมกับบารมีเก่าขึ้นมาอีก ผู้ที่คิดจะมาล้มล้างบารมีอันนี้ เขาสร้างบารมีมาขนาดไหน เหนือบารมีอันนี้ไหม ถ้าไม่เหนือม้นจะย้อนกลับไปทำความวิบัติให้เกิดขึ้น ก็เหมือนกับลองดูสิใครมาเขวี้ยงฟุตบอลใส่ผนังดูสิเป็นอย่างไร เขวี้ยงไปแรงมันก็ย้อนกลับมาแรง อันนี้ก็เหมือนกัน มันปฏิเสธไม่ได้หรอกเรื่องกรรม
เพราะฉะนั้นในพุทธศาสนาของเรา ท่านสอนให้เชื่อกรรม ทำกรรมชั่ว ทำบาปทำกรรมชั่ว แล้วใครจะไปเสกเป่าอย่างไร ดลบันดาลให้มันดีมันไม่มีทางดีได้ เหมือนเราสาดน้ำมันลงไปในน้ำ ใครจะไปเสกเป่าให้มันจมได้ มันไม่ได้ยังไงมันก็ต้องลอย โยนหินใส่น้ำใครจะไปเสกเป่าให้มันลอยได้ไหม มันไม่มีทางยังไงมันก็จม เพราะฉะนั้นใครสร้างกรรมอันใดไว้มันก็ต้องรับกรรมอันนั้นไป มันปฏิเสธไม่ได้หรอก อันนี้ก็พูดให้พระองค์ท่านฟังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมหาบพิตร บารมีที่มหาบพิตรสร้างมาแต่เก่าก่อนสะสมมาเป็นบุพเพกตปุญญตา การสั่งสมบุญมาแต่ปางก่อนเนี่ย แล้วก็บารมีในปัจจุบันที่มหาบพิตรมาประพฤติปฏิบัติธรรม จะรวมเข้าเป็นบารมีที่ทำให้มหาบพิตรทำหน้าที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญ นำพาประชาชนไปสู่ความสุขความเจริญความมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน ไม่เป็นที่สงสัยเลย เนี่ยอาตมาไปสรุปให้ท่านนะเนี่ย