นายกคุยนร.เชียงรายขอรัก3สถาบัน ลั่นบรรพชนเสียสละชีวิตมา ทุบทิ้งสร้างใหม่ไม่ได้

3635

จากที่วันนี้(24 ก.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาที่ตำบลเวียง อ.มืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเปิดการสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 โรงเรียนทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 39 “ไทยรัฐวิทยากับชีวิตวิถีใหม่”

โดยนายกฯได้ทักทายครูและเด็กนักเรียนที่มาต้อนรับ และเดินชมนิทรรศการผลงาน โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากพวกเรา การจะทำอะไรก็ตามหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เราก็ต้องส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะนี่คืออนาคตของชาติ และขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะนี้คืออนาคต ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งนายกฯได้ถามเด็กนักเรียนและนักเรียนชนเผ่าม้งที่เรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยาว่า เป็นคนไทยหรือไม่ รักประเทศไทยไหม คนไทยต้องมีหน้าที่อย่างไร ซึ่งนักเรียนได้ตอบว่า เป็นคนไทย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี จึงบอกไปว่าเป็นคนไทยต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะทั้งหมดคือผืนดิน ผืนน้ำและอากาศ เพราะถ้าไม่มีทั้ง 3 อย่างก็ไม่มีประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้ฝากผู้บริหารไทยรัฐให้ช่วยดูแลนักเรียนที่เป็นกำลังของชาติให้รู้รักประเทศและสถาบัน เพราะการปลูกฝังแต่เด็กจะทำให้มีความรักประเทศชาติ เพราะคนเหล่านี้คือกำลังที่จะขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า และเข้าห้องสัมมนาทำพิธีมอบโล่รางวัลชนะเลิศ Best Practice กับ 13 โรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนสื่อมวลชนศึกษา

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษช่วงหนึ่งว่า วันนี้การศึกษาจำเป็นต้องมีคือการปฎิรูปต้องเรียนรู้นอกจากวิชาการ โดยโรงเรียนต้องไม่ให้เรื่องวิชาการอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้  มีสาระ นำไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน  การเรียนรู้ รอบรู้ รู้เท่าทัน เราต้องสอนคนให้เป็นอย่างนั้น แต่ทั้งหมดต้องมีพื้นฐานมาจากประวัติสาสตร์ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่กับคนไทยในใจทุกคน

“การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไม่ใช่ของเก่า เรียนรู้ให้รู้ว่าที่ผ่านมาประเทศชาติผ่านพ้นเรื่องเหล่านั้นได้อย่างไร และด้วยใคร มีวัตถุประสงค์อะไรที่จะต้องเสียสละเลือดเนื้อ เสียสละชีวิต มามากมาย โดยบรรพชนของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้สึกเรามีหน้าที่ในการสืบสาน รักษาต่อยอด สิ่งเหล่านี้ต่อไปด้วยความอดทน อดกลั้น เสียสละ รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลังนั้นคือสิ่งที่รัฐบาลคิดมาตลอด

รวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนมาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยปราศจากความขัดแย้ง และต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการดำเนินการให้สามารถปลดล็อกอุปสรรคต่างๆให้เดินหน้าไปได้ การทำสิ่งดีถือเป็นบุญกุศลทั้งสิ้น และเป็นความภาคภูมิใจอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราทำอะไรเพื่อใคร ผมเป็นนายกฯผมคิดอย่างนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเป็นอื่นไม่เคยคิดนอกกรอบ ที่จะมานั่งเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ทุกคนที่เป็นรัฐบาล ผมจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเช่นนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ศักยภาพของคนไทย ความโอบอ้อมอารี ปรองดอง สมานฉันท์ ถ้อยทีถ้อยอาศัย พึงพากันและกัน สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่ต่อไป ถ้าไม่อยู่แล้วจะทำกันอย่างไรต่อไป สิ่งที่เราร่วมสร้างกันมามันก็จบ เราไม่จำเป็นต้องรื้อทุบทิ้งสร้างใหม่ทั้งหมดมันทำไม่ได้หรอก

“เด็กวันนี้เราทราบดีอยู่แล้วไม่เหมือนสมัยเรา วันนี้เขาเผชิญกับสิ่งที่เจริญแล้ว เขาต้องการให้เร็วกว่านี้ แล้วเขาลืมไปหรือเปล่ากว่าจะถึงตรงนี้ได้ผ่านระยะเวลามาเท่าไร มีการพัฒนามาเท่าไร เขาเกิดมาเจอแต่สิ่งที่พัฒนาแล้ว แต่ต้องการให้เร็วขึ้นทั้งหมดมันทำได้ไหม ซึ่งหากมีความพร้อมจะทำอะไรก็ได้ เนรมิตอะไรก็ได้ แต่บ้านเราต้องมีขั้นตอนการบริหารในการพัฒนาประเทศ ถึงได้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 แต่ไม่ได้หมายความว่า นายกฯ จะอยู่ 20 เป็นเพียงกรอบการทำงาน นี่คือการเดินให้ตรงทางไม่เดินเลี้ยวลดไปมากนัก ต้องย้อนกลับไปคิดดู เหมือนย้อนดู เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนปรองดอง รักสามัคคี ยึดมั่นในแนวทาง ซึ่งเราอยู่ด้วยความสงบมายาวนาน

ป้องกันการระบาดจากต่างประเทศซึ่งวันนี้มีเยอะขึ้น รัฐบาลพยายามเต็มที่ จนได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับต้นๆของโลก นั้นคือสิ่งที่เราอาจลืมไปแล้ว เราไปมุ่งความขัดแย้งอื่นๆเยอะเกินไปในขณะสิ่งที่เราทำได้ดีมันเป็นศักยภาพของเราทั้งสิ้น เราเปลี่ยนตัวเองมากนักไม่ได้ เป็นคนดีคนเก่ง มีงานทำ เคารพกฎหมาย เคารพสถาบัน และทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน แค่นี้ก็จบแล้ว มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ซึ่งการเรียนนอกห้องเรียนมีเยอะแยะ บางทีการศึกษา บางทีไปเรียนรู้ในที่ชุมนุม ร้านค้า เวทีต่างๆ ของประชาชน คุยกันให้มันสร้างสรรค์ ไม่ใช่คุยกันต้องขัดแย้ง ต้องทำลาย ตนไม่ใช่ มันทำให้เสียโอกาส เสียเวลา”


อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวกับผู้ร่วมสัมมนาตอนท้ายว่า “พวกเราทุกคนในห้องสัญญากับผมได้ไหม เราจะทำให้ประเทศชาติของเราให้ดีขึ้นโดยสงบและปลอดภัย จะร่วมมือกับผมไหมครับ”จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาในห้องได้ปรบมือให้กับนายกรัฐมนตรี เป็นการให้สัญญา ซึ่งนายกฯได้กล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวว่า ขอบคุณนะ ทำให้ตนมีกำลังใจในการทำงานต่อไป ตนยืนยันว่าไม่ได้มีจิตปรารถนาเป็นอย่างอื่นเลย ถ้าทำต้องทำให้ดีที่สุด ด้วยความรักประชาชน รักประเทศชาติขของเรา ไปด้วยกัน หลักการของรัฐบาลคือรวมไทยสร้างชาติ