สิระ หน้าแตกซ้ำอีกรอบ! มติกมธ.กฎหมายไม่รับ “คดีลุงพล” ย้อนครั้งก่อน บุกหา”หมอเหรียญฯ” ค้านรพ.สนาม ก็หงายเงิบ!?
จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้เดินทางด้วยรถตู้มาจากวัดท่ากระบือ ตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อพานายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดี น้องชมพู่ และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น เข้าพบ นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมตนเอง และมีการแถลงข่าวที่รัฐสภา
ด้านนายสิระ ยืนยันว่าชาวบ้านทั่วไปก็สามารถยื่นเรื่องมายังกรรมาธิการได้ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคดีดังเท่านั้น พร้อมย้ำว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าจะนำเข้ากรรมาธิการหรือไม่ โดยคาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่รับเรื่องลุงพลวันนี้ มีจุดประสงค์เพื่อกลบกระแสเรื่องการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่มีการอภิปรายในวันนี้หรือไม่ นายสิระ ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน พร้อมขอว่าอย่านำเรื่องนี้มาโยงการเมือง
จนทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดถึงว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้ที่รัฐสภาทำอะไรได้บ้างตอนนี้ ท่านประธานก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เมื่อกี้ก็ไปแถลงข่าวกันข้างล่าง เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวสู้คดีอยู่ข้างล่างใต้ถุนสภาฯ มันอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยผมไม่รู้ ท่านประธานดูแลไม่ไหวหรอกครับ ทุกคนต้องช่วยกัน”
ในขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่านายกฯ ชี้แจงไปแล้วว่าไม่สมควรอย่างไร นายกฯ ก็บอกไปแล้ว และเป็นเรื่องของพรรค ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเรียกนายสิระมา เมื่อถามว่า จะมีการคาดโทษนายสิระ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เดี๋ยวดูว่าเขาจะพูดอะไรกับผม”
ล่าสุดวันนี้ (16 มิถุนายน 2564) มีรายงานว่าในการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธาน มีมติไม่รับคดีที่นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล อายุ 44 ปี มาร้องต่อนายสิระ ในคดีทีตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาลุงพล 3 ข้อหาในคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวจากบ้านในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
โดยย้อนไปก่อนหน้านี้ นายสิระ ก็ได้บุกไปหา พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อคัดค้านไม่ให้ตั้ง รพ.สนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด และบอกว่า การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้ขออนุญาตใครหรือยัง รวมถึงขอให้ตรวจสอบการรับบริจาคเงิน เพราะเกรงว่าประชาชนร้านค้ารอบข้างจะได้รับความเดือดร้อน จนกลายเป็นประเด็นโต้เถียงกันยืดเยื้อมานานหลายวัน
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนตั้งข้อสงสัยถึงการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยสถานพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตหลักสี่ว่า ผู้ประกอบกิจการได้มีการยื่นหนังสือขออนุมัติเปิดโรงพยาบาลสนามกับกรม สบส.เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และจะสามารถเปิดให้บริการได้ก็ต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.ได้ทำการตรวจสอบสถานที่ว่าเป็นไปตามมาตรฐานโรงพยาบาลสนามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเสียก่อน
จึงขอชี้แจงกับประชาชนให้มั่นใจได้ว่าการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามนั้น จะมีการควบคุมมาตรฐานการดำเนินการตั้งแต่การเลือกสถานที่ การจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เวชภัณฑ์ ระบบการดูแลรักษา/ส่งต่อผู้ป่วย ระบบสื่อสาร การป้องกันควบคุมการติดเชื้อ ระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการขยะและน้ำเสีย การยอมรับของชุมชน โดยบูรณาการความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาชีพเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยโควิด-19 และมีความปลอดภัยสูงสุดประชาชนโดยรอบ
