สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 49 ปี ชาว จ.บึงกาฬ อดีตแกนนำกลุ่มเสรีปัญญาชน และอดีตโปรแกรมเมอร์ ในคดีโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง คนขับรถสปอร์ตหรู ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 เสียหลักข้ามเกาะชนกับรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดมีความคืบหน้า เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 มิ.ย.2564 เจ้าหน้าที่สมาคมอาสาสมัครร่วมกตัญญูเพชรบูรณ์ ได้นำร่างของ นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 49 ปี ซึ่งพี่ชาย 2 คนไปรับนำกลับถึงบ้านเกิดที่ม.2 บ้านนาสวรรค์ ต.นาสวรรค์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและญาติพี่น้อง
ขณะที่นายภูริทัต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง พี่ชายของ “ตุ้ม สุรภักดิ์” กล่าวว่า ตนขอตำหนิที่มีสื่อบางสื่อวิจารณ์น้องชายว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เพราะขณะขับรถมีความคึกคะนองจนเกิดความประมาทอย่างร้ายแรง ขับรถเร็วโดยไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมทางทำให้เกิดอุบัติเหตุ และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งตัวเองด้วย ซึ่งปกติแล้วคนขับไม่มีใครอยากจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะอนาคตก็ยังมี ส่วนการไลฟ์สดของเพื่อนสาวที่เดินทางไปด้วยนั้น ก็เป็นการไลฟ์สดตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งบรรยากาศบนภูเขามีเมฆหมอกและเมฆฝน 2 ข้างทาง แต่ช่วงเวลาเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาที่ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว และกำลังจะเข้าตัว อ.หนองไผ่ เป็นช่วงเวลา 14.00 น. และถนนก็เป็นทางตรง แต่ว่าสภาพถนนไม่ดี ประกอบกับมีฝนตกน้ำขังทำให้รถเสียหลักข้ามถนนไปชนคู่กรณีถึงแก่ชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายนั้นญาติ ๆ ก็ได้มารับศพออกจากโรงพยาบาลพร้อม ๆ กัน
ทั้งนี้แสดงความเสียใจและขอโทษทางญาติ ๆ ผู้เสียชีวิตทั้งสองด้วย เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ญาติของ 2 สาวก็ยอมรับว่าอาจจะเป็นกรรมเวรซึ่งกันและกันที่บังเอิญได้มาบรรจบพบกันอยู่จุดนี้ และก็ได้แจ้งกับตนว่าไม่ต้องห่วงเรื่องการดำเนินการค่าใช้จ่าย ทางญาติฝ่ายจะได้ดำเนินการออกไปก่อน
ซึ่งตนก็แสดงความรับผิดชอบไปบางส่วน โดยมอบเงินช่วยค่าทำศพไปเบื้องต้นแล้ว ส่วนผลประโยชน์ของน้องทั้งสองคนที่เสียชีวิตในรถซูซูกินั้น ตนจะดำเนินการกับบริษัทประกันภัยให้กับญาติน้องทั้งสองคนควรจะได้รับ ซึ่งยังไม่รู้ว่าน้องชายทำประกันไว้กับบริษัทไหน ก็ขอเวลาค้นหาเอกสารก่อน
และกรณีที่มีสื่อบางสำนักกล่าวหาว่าน้องชายที่ขับบีเอ็มฯ เป็นลูกคุณหนู พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างสบายนั้น ไม่เป็นความจริง ครอบครัวพวกตนส่วนมาก น้อง ๆ รวมทั้งตัวเองด้วยก็จะรับราชการทั้งหมด ยกเว้นผู้ตายที่ทำงานอิสระ เป็นโปรแกรมเมอร์ รับออกแบบวางระบบการทำงานให้กับบริษัทห้างร้านหรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่มาจ้าง หลังจากรับเงินค่าแรงแล้วก็มักจะกินเที่ยวไปตามประสาคนหนุ่มที่ไม่มีภรรยาไม่มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ
ส่วนทางด้านนายนิติ อายุ 63 ปี พ่อของ น.ส.วรรณกานต์ หรือ “น้องอุ้ย” สาวที่นั่งมาในรถซูซูกิ สวิฟ เล่าถึงความสูญเสียครั้งนี้ว่า ลูกสาวตนเรียนจบวิศวกรเคมี จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะนี้ทำงานเป็นวิศวกรเคมี จะเดินทางมาบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส ก่อนเกิดเหตุ น้องอุ้ยได้โทรมาบอกทางบ้านว่าจะกลับมาบ้าน ตนและครอบครัวรู้สึกดีใจ เตรียมทำกับข้าวที่น้องอุ้ยชอบรับประทาน ตนเองได้ไปเก็บผักในสวนมาเตรียมไว้ แต่ต้องมารับทราบข่าวร้ายว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตนเองพยายามตั้งสติ ขณะที่นางจารุนันท์ แม่ของน้องอุ้ยมีการช็อก นิ่งเงียบไม่พูดจา