อัษฎางค์ เตือนอย่าล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “พระสยามเทวาธิราช” มีจริง! ร.5 โปรดให้สร้าง แปลงเค้าพระพักตร์ให้เหมือน ร.4 

4169

อัษฎางค์ เตือนอย่าล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “พระสยามเทวาธิราช” มีจริง! ร.5 โปรดให้สร้าง แปลงเค้าพระพักตร์ให้เหมือน ร.4

จากกรณีที่นายสุรภักดิ์  ภูไชยแสง หรือตุ้ม อายุ 50 ปี ซิ่งบีเอ็มZ4 ขับฝ่าสายฝน เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลาง ชนเก๋งซูซูกิ เสียชีวิต 3 ราย บนถนนในพื้นที่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ โดยขับมาด้วยความเร็ว ซึ่งระหว่างทางมีฝนตกลงมาตลอด โดยได้ขับแซงรถทุกคันที่อยู่ด้านหน้าด้วย

ซึ่งนายสุรภักดิ์ เคยต้องคดีม.112 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14, 17

ก่อนหน้านี้ เคยโพสต์ข้อความเคลื่อนไหวทางการเมืองและมีการพูดถึง พระสยามเทวาธิราช โดยระบุข้อความว่า

พระสยามเทวาหญ้าแฝก ไปกินกินโปร่ง อยู่ ไม่เห็นแสดงอิทธิฤทธิ์ช่วยสลิ่มเลย อุตส่าห์ ไปเป่านกหวีด จนติ่งคล้ำ ..ห้อย เพื่อมห้ได้คนดีอย่างไอ้ตูบ มาบริหารแผ่นดิน อิซิๆๆ

ล่าสุดทางด้าน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีของพระสยามเทวาธิราช โดยระบุข้อความว่า

“พระสยามเทวาธิราช”
อย่าล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมือง ทั้งที่มองไม่เห็นตัวตน เช่น พระแก้วมรกตและพระสยามเทวาธิราช รวมถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีตัวตน
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการศึกษาประวัติศาสตร์ มีพระราชดำริว่า
“เมืองไทยเรานี้มีเหตุการณ์หวิด ๆ จะต้องเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นได้เสมอมา ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งที่คอยพิทักษ์รักษาอยู่ จึงสมควรจะทำรูปเทพพระองค์นั้นขึ้น ไว้สักการบูชา”
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าดิษฐวรการ (หม่อมเจ้ารัชกาลที่ ๑) นายช่างเอกทรงปั้นรูปเทพพระองค์นั้น เป็นรูปทรงต้นยืนถือพระขรรค์ในพระหัตถ์ขวา ขนาด ๘ นิ้วฟุตงดงามได้สัดส่วนแล้วหล่อด้วยทองคำแท่งทั้งพระองค์ ทรงถวายพระนาม “พระสยามเทวาธิราช” แล้วประดิษฐานไว้ในพระวิมานกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณจนทุกวันนี้
ท่านผู้ใหญ่ชั้นคุณย่าของข้าพเจ้าเล่าว่า ในรัชกาลที่ ๔ ทรงถวายเครื่องสังเวยเป็นราชสักการะทุกวัน และเป็นที่นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก บัดนี้เนื่องแต่ทางพระราชสำนักต้องตัดทอนรายจ่ายมากมายมาแต่ในรัชกาลที่ ๗ จึงคงยังมีเครื่องสังเวยถวายแต่เฉพาะวันอังคาร และวันเสาร์ อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง และในเวลาปีใหม่ก็มีการบวงสรวงสังเวยเป็นพิธีใหม่ มีละครรำของกรมศิลปากรในเวลาเช้าวันสังเวยนั้น..
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่าง ๆ ดังเราท่านได้ประสบมาด้วยตนเอง ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นว่าพระสยามเทวาธิราชนั้นมีจริง เราจงพร้อมใจกันอธิษฐานด้วยกุศลผลบุญที่เราได้ทำมาแล้วด้วยดี ขอให้เทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์พระองค์นี้ จงได้ทรงคุ้มครองป้องกันภัย และโปรดประสิทธิ์ประสาทความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่ประชาชนชาวสยามทั่วกันเทอญ..”
ส่วนเด็กสาววัย 18 ที่คนในสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิที่มีคลิปเสียงพูดเชียร์ของเธอ ให้ซิ่งเลย ซิ่งเลย ผมกลับเห็นว่า อย่าจับเอาคำพูดนี้หรือพฤติกรรมเด็กวัย 18 ปี มาวิจารณ์เลย เพราะคิดดูดีๆ ต้องถือว่าเพิ่งพ้นวัยเด็กน้อยมาได้เพียงไม่กี่วันเอง ถึงจะ 18 แต่ถือว่ายังเด็กมาก ย่อมมีพฤติกรรมอย่างเด็กแบบนั้น
ใครทำอะไรได้อย่างนั้น ทำบุญได้รับบุญ ทำบาปต้องรับกรรมที่ทำไว้ เห็นกันอยู่ชัดๆ เห็นไหมนั่งด้วยกันมา 2 คน คนหนึ่งตาย คนหนึ่งรอด (มาได้ยังไง) เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ปล่อยให้มันผ่านไป อโหสิกรรมให้แก่กัน เถิดพี่น้องไทยการอโหสิกรรมคือการทำบุญใหญ่ ใครทำใครได้ ใครทำอะไรได้อย่างนั้น เห็นกันอยู่ชัดๆ ใครไม่สนใจทำบุญ แต่เราทำ นะพี่น้องไทย
หมายเหตุ โพสต์นี้มีเจตนาชี้เรื่องบุญกรรม ความเชื่อของคนไทย และการทำบุญด้วยการอโหสิกรรมต่อกัน
สำหรับพระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป หล่อด้วยทองคำสูง ๘ นิ้ว ประทับยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์ มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ ลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกเป็นภาษาจีนที่ผนังเบื้องหลัง แปลว่า “ที่สถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช” เรือนแก้วเก๋งจีนนี้ประดิษฐานอยู่ในมุขกลางของพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง ตั้งอยู่เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ตอนกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายเครื่องสังเวยเป็นราชสักการะเป็นประจำวัน เครื่องสังเวยที่ถวายเป็นประจำนั้น จะถวายเฉพาะวันอังคาร และวันเสาร์ก่อนเวลาเพล โดยจะมีพนักงานฝ่ายพระราชฐานชั้นใน เป็นผู้เชิญเครื่องตั้งสังเวยบูชา เครื่องสังเวยประกอบด้วย ข้าวสุกหนึ่งถ้วยเชิง หมูนึ่งหนึ่งชิ้น พร้อมด้วยน้ำพริกเผา ปลานึ่งหนึ่งชิ้นพร้อมด้วยน้ำจิ้ม ขนมต้มแดงและขนมต้มขาว กล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อนหนึ่งผล ผลไม้ตามฤดูกาลสองอย่าง และน้ำสะอาดอีกหนึ่งถ้วย โปรดเกล้า ฯ ให้จัดพระราชพิธีสังเวยเทวดา ในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกปี

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเลียนแบบพระสยามเทวาธิราชแต่แปลงเค้าพระพักตร์ให้เหมือนสมเด็จ พระชนกาธิราช เพื่อทรงสักการะ พระบรมรูปองค์นี้ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า พระอภิเนาว์นิเวศน์พระพุทธมณเฑียร และพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างเสาไม้หุ้มปูน ที่ได้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก ยากที่จะบูรณะให้คงสภาพเดิมไว้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อลงทั้งหมด และอัญเชิญพระสยามเทวาธิราชไปประดิษฐานไว้ ณ พระวิมานทองสามมุขเหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ตราบจนถึงทุกวันนี้