จากกรณีที่ “ปิ๋ม” สุภาวดี นามชารี สาวร้อยเอ็ด ที่ไปทำงานในสหรัฐอเมริกา มีอาชีพขับรถบรรทุกนั้น โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อช่อง Voice ในหัวข้อทำไมคนไทยอยากย้ายประเทศ
ทั้งนี้ได้มีถ้อยคำสัมภาษณ์ ดังนี้ ทำไมคนไทย #ย้ายประเทศ “สัปดาห์หนึ่งทำงานได้ 15,000-20,000 US Dollar เดือนหนึ่งก็ไม่รู้กี่ล้าน”
‘ใช้ชีวิตที่นี่ ต่อให้ทำงานแมคโดนัลด์ หรือร้านขายของชำ หรือชั่วโมงละ 10 เหรียญ คุณก็มีเงินผ่อนรถ หรือซื้อของแบรนด์เนม มีได้เหมือนคนปกติ สามารถมีคุณภาพชีวิตดี ถึงแม้อยู่ในระดับล่างสุด ได้กินอะไรดีๆ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ มีกินมีใช้ เหมือนกับคนปกติทุกระดับแต่ถ้าอยู่ไทย คุณต้องกินมาม่าทุกคืนเลยไหม ถึงจะมีเงินเก็บเดือนละ 4-5 พันบาท มันไม่น่าจะใช่ชีวิตที่ดีแล้วอ่ะ’
จนต่อมา เพจ Branding by Boy ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาขยายต่อ รายงานเรื่องรายได้ และพาดพิงถึงกลุ่มการเมืองที่เห็นต่าง ทำนองว่า ถึงหลิ่ม เธอมีปัญหากับรายได้ คนขับรถบรรทุกในสหรัฐ ที่รายได้ดีกว่าเรา เธอมีปัญหากับคนในชาติที่ให้ความสนใจกับโอกาสทางอาชีพ และความก้าวหน้า เธอมีปัญหากับการพยายามไล่คนอื่นออกนอกประเทศ แต่เสือกดักดาน ทนอยู่ได้ ไม่มีปัญหากับโครงสร้างประเทศแย่ ๆ คุณภาพชีวิตต่ำ ๆ และความเหลื่อมล้ำทางโอกาสที่รัฐบาลสร้างขึ้น จนมีกระแสดราม่าถล่มไปยังเฟซบุ๊กของ “ปิ๋ม” สาวขับรถบรรทุก เนื่องจากไม่เชื่อเรื่องตัวเลขรายได้ เพราะดูเกินจริง จนเจ้าตัวก็ตอบโต้กลับคนที่มาแสดงความคิดเห็น และตั้งข้อสงสัย แต่กลับไม่โกรธสื่อต้นทาง และเพจ Branding by Boy ที่นำเรื่องราวของเธอมาขยายต่อ และทำให้คนเข้าใจผิดเรื่องตัวเลขรายได้ และอาชีพ เพราะเธอไม่ได้รับจ้างขับรถบรรทุก แต่เป็นเจ้าของกิจการเอง
ล่าสุดเฟซบุ๊กของ “ปิ๋ม” สุภาวดี นามชารี ChaRee Pim ได้ออกมาชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด หลังมีกระแสถล่มเรื่องข้อมูลรายได้ โดยร่ายยาวระบุว่า “มาตอบคำถาม และชี้แจงในโพสต์นี้ให้จบ ..และจะไม่มีการชี้แจงเกี่ยวกับรายได้ อะไรต่อไปในหน้าเฟซปิ๋มอีก”
#ปี2019 ปิ๋มเริ่มสตาร์ทธุรกิจรถบรรทุก หลายคนเห็นปิ๋มและรู้จักจากช่องพี่จิโร่
(ซึ่งเป็นข้อมูลเก่า)
ปิ๋มlease และทำ เป็นsub-contractor กับบริษัทWN (ขอใช้ตัวย่อละกัน)
ณ ช่วงเวลานั้น ขับทีม
-ค่ารถ $690/วีค (หรือราวๆ $2,760/ด.)
-ประกัน =$600กว่า/เดือน
-Gross/รายได้รวม=$6,000ถึง8,000/วีค
-หัก ค่าใช้จ่ายรถ +cpa (ที่บริษัทจัดการให้) withhold ภาษีไว้ เหลือราว ๆ $4,000/วีค
-แบ่ง50%กับ co-driver เหลือราว=$2,000/วีค/คน (ยอดสุทธิ)
ก็ตามที่สัมภาษณ์ไปในคลิปที่หลาย ๆ คนเคยได้ดูมาเมื่อนานมาแล้ว รายจ่ายก็หลายอย่าง**ยกเว้น=ไม่ได้เช่าตู้วิ่ง (แต่ค่าleaseรถถูกๆ)
**ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน (เปลี่ยนบริษัทร่วมมาทั้งหมด 3 บริษัทแล้ว)
#ปี 2021วันที่ให้สัมภาษณ์ ว้อยซ์..
ปิ๋มทำ independent contractor กับบริษัทเล็ก ๆ ที่ รัฐอิลลินอยส์
ขับทีม:
-gross $15,000-พีคสุด$20,000/วีค
-ยกตัวอย่างสัปดาห์ล่าสุดที่เอาภาพมา นี้Gross (ก่อนหักภาษี) สัปดาห์นั้นทำได้ที่ $16,920
..ในส่วนรายจ่าย..
-ค่ารถราวๆ$1,500 กว่า/วีค (included safety deposit $0.13/mile)
-ค่าประกัน ซึ่งมีหลากหลายประกัน ประกันหัวลาก,ประกันสินค้า รวมตกที่ราวๆ $1,708/ด.
-ค่า service ,ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์แทปเลต $90/วีค
-ค่า dispatch 10% จากGrossที่หักทุกสัปดาห์ เพราะเราใช้บริการการหาโหลดจากบริษัท
(ภาพด้านบนตัดใส่กรอบได้แค่นั้น สัปดาห์นี้จะจ่ายที่$1,692 จาก$16,920)
– สรุป วีคนั้น หักค่าใช้จ่าย = จะเหลือสุทธิมาให้เราที่ $12,545.65 (ตัวเลขใหญ่ ๆ)
-จาก $12,545.65 แบ่งคนขับอีกคไปแบบ 50/50
-เหลือเข้ากระเป๋า $6,272.82
-ที่เหลือ ภาษีจะเริ่มคิดจากตรงนี้ $6,272.82 ไม่ใช่คิดจากยอดรวม Gross $16,920ของสัปดาห์นั้น
-ทำไมไม่มีรายละเอียดการจ่ายภาษีเหมือนบริษัทแรก? = เราเป็น owner operator ซึ่งภาษาไทยเรียกกันว่า “เจ้าของกิจการ”
-เรื่องภาษี ถ้าคนที่ใช้ชีวิตในอเมริกาน่าจะรู้ว่า contractor /sole proprietor หรือคนที่มีธุรกิจเองจะออกเป็นฟอร์มจ่ายภาษี1099ให้/สิ้นปี
-ฟอร์ม1099 นี้ มีประโยชน์กับกิจการอย่างไร? = เรามีช่องทางลดหย่อนภาษีได้มากกว่าลูกจ้างทั่วไปที่ได้ W2ตายตัว ..w2คือ แต่ละpaycheck ที่ได้คุณจะถูกจายจ้างหักภาษีเสียให้เรียบร้อย
-ตัวอย่าง: เจ้าของรถ ที่มีรถของตัวเอง +ขับเอง กฏหมายให้ค่าmeals วันละราวๆ$60/วัน ออกมาทำงานกี่วันก็ x$60 นำไปหักภาษี
-แถมยังสามารถรวมค่าประกันรถส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สารพัดที่เกี่ยวกับงาน รวมไปดีดักภาษีได้มาก
**เหตุนี้เมื่อทางบริษัทที่ไปร่วม ไม่มีการจัดเก็บภาษีไว้ให้(withhold) เราก็รอคำนวนสิ้นปีทีเดียวได้เมื่อถึงช่วงไฟล์ภาษี (ราว ๆ ต้นปีของปีถัดไป) และรวบรวมรายจ่าย,บิลต่าง ๆ เพื่อใช้หักภาษีให้เราได้ประโยชน์มากที่สุด
#เมื่อตอนคลิปพี่จิโร่ 2019
ปิ๋มเริ่มถอยรถออกมาทำ วันที่ 7มิย-ธค.
-รายได้ Gross อยู่แค่ราวๆ$158k (ครึ่งปี)
-รายได้ที่เอามาคำนวนภาษี หลังหักจากรายจ่ายสารพัดนั้นอยู่ที่ราว $60k กว่าๆเอง
-เราไม่ได้เอา ตัวGross$158k เลขกลม ๆ นั้นมาหักภาษี
(แบบนั้นคงหมดตัวแน่ ๆ ไม่มีใครอยากเป็นเจ้าของกิจการกันแล้วค่ะ..) ทีนี้เราก็จะไปดูตารางภาษีของเมริว่า รายได้เรา เสียภาษีกี่ %?
กรณีของปิ๋ม +รายได้จากที่ทำงานแฟน =ตกอยู่ที่ 22% ||$60,000 จะเสียภาษีทั้งหมด$13,200||
**แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมา cpaของบริษัทดึงภาษีเก็บไว้ให้แล้ว คำนวนคร่าว ๆ ตามรายได้เรา ปีนั้นปิ๋มต้องจ่ายคืนไออาร์เอสไป ประมาณ $500 และรีฟันคืนมาให้ $18 😹(อาจมีการจ่ายภาษีเกินไป)
(ขอข้ามการทำงานบริษัทที่ 2 ไป เพราะpolicy และราคาขนส่งไม่ต่างกับบริษัทแรก2019เลย ..ณ ตอนนั้นปิ๋มใช้ KWT680)
#ทำไม 2-3 บริษัท รายได้ต่างกันมากโข ทั้ง ๆ ที่ขับระยะทาง เท่ากัน ใช้คนขับเท่าเดิม
= เพราะบริษัทใหญ่ มี system ที่ครอบคลุม ทุกระบบ การหัก % ของเค้า ทำให้เราอาจจะเหลือน้อยมาก เพราะเค้าprovided ตั้งแต่ซ่อม/ยันทำภาษี
เมื่อมาเทียบกับบริษัทเล็ก ๆ ข้างนอก (ณ ปัจจุบัน) ที่บริษัทมีรถไม่เยอะมาก/ดูแล จัดการงานง่าย ทั่วถึง และเราสามารถเลือกเรทนั้นได้ด้วยว่าอยากรับงานราคานี้ไหม
(ส่วนใหญ่เจ้าของเป็นชาวยุโรป หรือเอเชียเยอะ)
= บริษัทเล็ก เราออกมาหารถเอง
ซึ่งปิ๋มใช้รถใหม่ตลอดเวลา
-ยอมจ่ายค่ารถมากกว่า$1,500/วีค เพื่อที่จะสามารถอัพเกรดรถได้ (ฟีลลิ่งเราอัพเกรดโทรศัพท์เวลารุ่นใหม่ ๆ ออกมา)
อีกเหตุผลเพราะรถเก่า พังบ่อย+ปิ๋มไม่รู้เรื่องซ่อมบำรุงอะไรค่ะ ยอมรับ!
ประเด็นคำพูด “เดือนนึงเป็นล้านแล้ว”
คลิปเต็มๆ ตอนที่ให้สัมภาษณ์กันจริงๆ
ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง
ปิ๋มพูดว่า …
“ถ้าคิดเป็นเงินไทย..เดือนนึงก็เป็นล้านแล้ว”
แต่คำพูดส่วนนี้หายไป ก็พยายามเข้าใจและมองว่าทางเพจ เค้าคงอยากให้รวบรัด เพราะตัดมานวมกันหลายคนในเวลานั้น ๆ
ส่วนตัวก็ไม่มีเจตนาทำให้ใครเข้าใจว่า
“$ล้านเหรียญ”
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ..ปิ๋มคงไม่ต้องทำงานงก ๆ อยู่เช่นนี้
