เปลว สีเงิน ยกสยามไบโอฯของพ่อ ไทยจึงมีวัคซีนของตัวเอง ห่วงหมารุมทึ้งนายกฯที่สภา เดี๋ยวฟันหมาจะร่วง!

2531

จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ประเทศไทยต้องนำวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน โดยมีหลายชนิดยี่ห้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอสตร้าฯที่มีคนบางกลุ่มพยายามออกมาดิสเครดิต รวมทั้งเหตุการณ์อภิปรายพรก.เงินกู้5แสนล้านที่ฝ่ายค้านรุมโจมตีนายกฯนั้น

ล่าสุดวันนี้ 10 มิถุนายน 2564  เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ https://www.thaipost.net/main/detail/105858  โดยมีเนื้อหาที่สำคัญบางช่วงจากหัวข้อ

“วิจัย-พัฒนา”ถึง”หมากัด”

“หมอพร้อม” เขานัด เมื่อวาน (๙ มิ.ย.๖๔) ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ นึกว่าจะรอนาน แต่โรงพยาบาลเขา “บริหาร-จัดการ” เก่ง เรียงคิวแต่ละโต๊ะ ไหลๆ ตามกันไป แป๊บเดียว “แอสตร้าเซนเนก้า” ก็มาจ่อที่ต้นแขน!

เห็นพระบรมรูปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ตั้งอยู่บนแท่น ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นทันที ว่า “แอสตร้าเซนเนก้า” เข็มนี้ ด้วยน้ำพระทัยห่วงหาของพ่อที่มีต่อลูกๆ อันเป็นพสกนิกรของพระองค์โดยแท้ ทั้งด้วยพระญาณหยั่งรู้ของพ่อ ว่ากาลข้างหน้า อะไรอันเป็นภัยยิ่งใหญ่ จะเกิดขึ้นกับโลก และลูกๆของพระองค์

“สยามไบโอไซเอนซ์” แหล่งผลิต “ยาชีววัตถุ” ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง แห่งเดียวของไทยและของภูมิภาคอุษาคเนย์ จึงเกิดขึ้น ด้วยพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒ คิดค้น วิจัย พัฒนา ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา จัดจำหน่ายยาชีววัตถุ เรียกว่า “ครบวงจร”วันนั้น เรายังมองไม่เห็นคุณค่า ด้วยนึกว่า “ห่างไกล” แต่วันนี้ เพราะสยามไบโอฯ ของพ่อโดยแท้ ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ได้มีวัคซีนของตัวเองฉีด ให้ชาวโลกอิจฉา

ในขณะที่อีกหลายๆ ประเทศ ถึงมีเงินล้นฟ้า แต่ก็ไม่สามารถดลบันดาลให้มีวัคซีนได้ดังต้องการ ไทยเราไม่ต้องมีเงินล้นฟ้า ไม่ต้องมีฤทธิ์บันดาล มีสยามไบโอฯ ของพ่อ ก็มีแอสตร้าเซนเนก้า ให้อุ่นใจ-มั่นใจ   ช้า-เร็ว ยังไงๆ ก็มีวัคซีนให้ฉีดแน่นอน!

“วัคซีน” กลายเป็นความมั่นคงประเทศ เป็นเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรม และเป็นต้นทุนอนาคตชีวิตไทย ชีวิตไทยที่มี “หลักประกัน” ทางยาในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ด้วย “วิจัย-พัฒนา” ของคนไทยเราเอง

ผมคงไม่อยู่ถึงวันได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของไทยด้วยวิจัย-พัฒนา ใน ๕ ปี ๑๐ ปี ข้างหน้าหรอก ก็หวังใจว่า “คนรุ่นใหม่” ที่ประกาศเป็นผู้นำอนาคตประเทศทั้งหลายนั้น จะได้รับรู้สิ่งนี้  ไม่ต้องเชื่ออย่างที่ผมบอกวันนี้ก็ได้ สำนึกแห่งความเป็นไทยคืนร่างวันไหน ค่อยๆ นำมาใคร่ครวญ แล้วสานต่อเถอะโควิดระบาด ทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ในหลายๆ ชาติ บนสัจธรรมของคำว่า “สิ่งเหนืออหังการ”

เห็นวิสัยทัศน์รัฐ-เอกชนไทย มิตินวัตกรรมอย่างนี้ แอบภูมิใจปนอิจฉาลูกหลานไทยในสังคมอนาคต ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นพลเมืองของชาติ ที่เดินยืดอก-กระแทกไหล่ กับชาติไหนๆ ในโลกใบนี้ได้ ชนิดไม่น้อยหน้าใครเลย

โควิดมารอบแรก สังคมโลกยกไต้หวันเป็นต้นแบบการรับมือ กระทั่งเวียดนาม ก็ได้รับคำชม รอบที่ ๓ ขณะนี้ เป็นไง…..บางประเทศมีเงินพร้อมซื้อ แต่ก็ไม่มีวัคซีนให้ซื้อ จนต้องไหว้วอนงอนขอสหรัฐฯ

ภาพข่าววานซืน เห็นมั้ย คนเป็นพัน-เป็นหมื่น ไปรอวัคซีน พอประตูเปิด วิ่งกรูเข้าไปแย่งกันเหมือนงานโยนทานเทศกาลเทกระจาด ก็เห็นใจ ด้วยเข้าใจ

ไทยเราอาจเป็นแบบนั้นก็ได้ ถ้าไม่มี “แอสตร้าเซนเนก้า” จากสยามไบโอฯ ให้เป็นที่หวัง-ที่ยึด ในความเคว้งคว้างแต่แรกๆเวียดนาม วันนี้ ต้องเรี่ยไรประชาชน เพื่อเอาเงินไปซื้อวัคซีน ถึงมีที่ซื้อ แต่จะได้เมื่อไหร่ก็ยากหวัง ต่างกับเรา ถึงชะเง้อที่นั่น-ที่นี่เป็นที่หมาย แต่ยังไงๆ ก็มี “แอสตร้าเซนเนก้า” เป็นของตาย รออยู่!

ดูหนัง-ดูละคร ย้อนดูประเทศเราเองอย่างนี้แล้ว กราบแทบเบื้องพระบาท น้ำพระทัยพ่อ ตลอดถึงพระบารมี, พระเมตตาแห่งพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ดุจดังสายน้ำจากยอดหิมาลัย ไหลสู่เชิงเขาไกรลาส หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตให้ยืนยง ประเทศที่ก้าวหน้าได้ ไปดูได้เลย ล้วนมีรากฐานมาจากงาน “วิจัย-พัฒนา” ทั้งนั้น!

เกาหลีใต้ เอาแค่ปี ๒๕๒๕  มีคนเอาเงินวอนใส่กระจาด นั่งรับแลกดอลลาร์นักท่องเที่ยวตามถนน ผมนอนโรงแรมกลางกรุงโซล คืนละ ๗๕๐ บาท “อินชอน” ที่อะร้าอร่าม สนามบินติดอันดับต้นๆ ของโลกตอนนี้ ยังบ้านน้อกกกก…บ้านนอก พอๆ กับหมู่บ้านกกกอกของลุงพล “บิดาสื่อโทรทัศน์” บางช่อง ก็ด้วย วิจัย-พัฒนา-มานะสร้าง บวกวินัย ของคนในชาติ

เกาหลีใต้ โตทะยานพรวดๆ ขนาดผมไปเมืองเอียร์คุตก์ กลางไซบีเรีย ย่านทะเลสาบไบคาล เรียกว่า ห่างมนุษย์-ห่างผู้คน จากโลกภายนอก ลงสนามบิน ยังเจอป้ายบริษัทเกาหลีใต้ ที่บุกไปเปิดตลาดสินค้ากลางไซบีเรีย

เกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณปีละเป็นหมื่นๆ ล้าน “ผลิตนักวิจัย” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ วันนี้ เกาหลีใต้ อันดับ ๑ ของโลก เหนือกว่าเยอรมนี ในด้านผลิตนักวิจัย! จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่จิตทะยานไม่ยอมแพ้ญี่ปุ่น วันนี้ เกาหลีใต้ จึงเทียมบ่า-เทียมไหล่ญี่ปุ่นในวิทยาการการผลิตและสร้างด้วยงานวิจัย

ไม่ต้องพูดถึงไทยเรา  เอาเป็นว่า ที่รัฐบาลเริ่มต้น เห็นคุณค่างานวิจัย-พัฒนา ทุ่มงบประมาณไปด้านนั้น เท่ากับทะลุเยื่อหุ้มสู่โลกกว้างทางอนาคตแล้ว ระดับพันล้าน เขยื้อนล้อไม่ขึ้นจากหล่มหรอกครับ

ปีหน้า ท่านนายกฯ ต้องตั้งงบให้สถาบันศึกษา มุ่งด้านวิจัย-พัฒนา เป็นหมื่นๆ ล้านไปเลย ผลิตนักวิจัยได้ปีละระดับสิบ “ไม่พอ”ต้องปฏิวัติมหาวิทยาลัย มุ่งเข็มให้ผลิตด้านนักวิจัย ให้ได้ปีละครึ่งพันขึ้นไป นวัตกรรมทางสร้างและพัฒนา ถึงจะเป็นจริง!

เอ๊ะ เพราะวัคซีนที่ฉีดหรือยังไงก็ไม่ทราบ วันนี้ ถึงคุยอะไรก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง  พอดีกว่า กลับไปนอนดูอาการซักวันก่อน เห็นเขาว่า หมารุมทึ้งนายกฯ ที่สภา ไงก็ อย่าสะบัดขาแรงนะท่าน  เดี๋ยวฟันหมาจะร่วง!

(อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.thaipost.net/main/detail/105858)