หลังจากที่พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์ผลงานและศักยภาพของรพ.สนามพลังแผ่นดิน ที่สามารถช่วยเหลือชีวิตคนป่วยโควิด-19 เคสหนัก ๆ ไว้ได้หลายเคส แม้ตอนนี้
จะต้องเจอปัญหาจากสำนักงานเขตหลักสี่ ติดป้ายว่าห้ามใช้อาคารก็ตาม ซึ่งหมอเหรียญทอง ยังแฉเบาะแสสำคัญที่จะสู้กับเขตหลักสี่ด้วย ว่าปล่อยให้มีบ่อนการพนันเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับเจ้าตัวที่กำลังทำรพ.สนามช่วยคน ใครจะผิดกว่ากันนั้น
ล่าสุดทางด้านหมอเหรียญทอง ได้เคลื่อนไหว โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมขอท้าให้สำนักงานเขตหลักสี่ดำเนินการรื้อถอนเต็นท์สนาม รพ.สนามพลังแผ่นดิน เมื่อครบ 30 วันนับจากวันที่ 20 พ.ค.64 ที่ จนท.เขตหลักสี่ปิดประกาศคำสั่งห้ามใช้อาคาร ห้ามเข้าอาคาร ระงับการก่อสร้างอาคาร รพ.สนามพลังแผ่นดิน และมีคำสั่งให้ผมส่งแบบแปลนเต๊ฃ็นท์สนามเพื่อขออนุญาตจากสำนักโยธาภายใน 30 วัน แล้วทุกท่านจะทราบดีว่ามันแค่การแสดงปาหี่ของสำนักงานเขตหลักสี่เท่านั้นแหละครับ
มันไม่กล้ารื้อหรอกเพราะคำสั่งห้ามของมันไม่สามารถใช้บังคับได้ เชื่อผมสิครับ…ถ้าผมไม่แน่จริง ผมไม่โพสต์ท้าทายผ่านสาธารณะขนาดนี้หรอก
แต่ที่แน่ ๆ หากมันไม่ดำเนินการรื้อถอนร้านค้าผิดกฎหมายตลอดแนวประชิดรั้ว รพ.สนามพลังแผ่นดิน มันโดนจิตอาสาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเล่นงานมันแน่ และจะไม่เล่นแค่ ผอ.เขต เท่านั้นแต่จะเล่นตามลำดับชั้นลงมาจนถึงผู้รับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานเขตหลักสี่เรียงตัว
แล้วมาประลองกำลังกันดู ลงชื่อพลตรี เหรียญทอง แน่นหนา”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ หมอเหรียญทอง ได้ระบุถึงว่า มีการเก็บส่วย จากการตั้งร้านค้าบนทางเท้า และเขตยังไม่ดำเนินการ แต่จะมาเอาเรื่องรพ.สนาม ซึ่งมีใจความตอนหนึ่ง เล่าว่า “ทางเท้าสาธารณะ…พูดง่าย ๆ ว่าหน่วยงานท้องถิ่นใช้เป็นเหตุผลในการเพิกเฉย แหกตาประชาชนผู้ร้องเรียนหน่วยงานท้องถิ่นนั่นแหละครับ…จากนั้นก็จะมีขบวนการตัวแทนรีดไถเก็บส่วยจากร้านค้าผิดกฎหมายซึ่งกระทำกันมาช้านาน ใครเป็นผู้เก็บส่วย??? ใครเป็นผู้รับส่วย???…คำตอบ คือ ผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายในเขตท้องถิ่น แต่ปัจจุบันผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายในเขตท้องถิ่นถูกคร่อมและครอบงำด้วยผู้กล่าวอ้างตนเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง กระทำการตบทรัพย์รับส่วยซ้อนอีกชั้นหนึ่งจากผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย
ดังนั้นซอยแจ้งวัฒนะ 14 จึงมีบ่อนการพนัน มีร้านค้ารุกล้ำทางเท้าตั้งแต่ปากซอยจนถึงหมู่บ้านเมืองทอง 1 ชาวบ้านต้องเดินบนถนนและประสบอุบัติเหตุยานยนต์เฉี่ยวชนเป็นประจำโดยไม่มีใครแก้ไข เพราะผลประโยชน์ที่ผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายได้รับอย่างเป็นประจำนั่นเอง”