ผอ.เขตหลักสี่อายมุดดิน!? “หมอเหรียญทอง” งัดความจริงฟาด รพ.สนามพลังแผ่นดิน รับผู้ป่วยหนักจาก “บุษราคัม” มากที่สุด ลั่นผลงานรพ.เถื่อน ที่ช่วยชีวิตคนได้มาก

1911

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 64 ที่พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยภาพเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหลักสี่ปิดประกาศคำสั่งห้ามใช้ หรือเข้าไปในอาคารโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน

และคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดิน พร้อมข้อความระบุว่า มีหลายท่านถามผมว่าร้านค้าผิดกฎหมายที่รุกประชิดตลอดแนวรั้ว รพ.สนามพลังแผ่นดินย้ายไปแล้วหรือยัง???…คำตอบ คือ ยังไม่ย้ายครับ มีแต่สำนักงานเขตหลักสี่ออกคำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร รพ.สนามพลังแผ่นดิน และออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดินตามภาพที่แนบ (ภาพเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ได้มาปิดประกาศคำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร รพ.สนามพลังแผ่นดิน และออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดิน)

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของหมอเหรียญทอง ได้อัพเดทผลงานจากรพ.สนามพลังแผ่นดิน หรือจะว่าเป็นรพ.เถื่อน นั้น ได้ช่วยชีวิตคนไว้มากแค่ไหน โดยระบุว่า ” เพียงแค่เปิดทำการได้ 2 สัปดาห์ รพ.สนามพลังแผ่นดิน รพ.สนาม ระดับ 3 โดยมงกุฎวัฒนะ ก็มียอดผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักที่ส่งตัวมาจาก รพ.สนามบุษราคัม จำนวนมากเป็นอันดับที่ 3 รองจาก รพ.จุฬาฯ และ รพ.ศิริราช นี่คือผลงานของ รพ.เถื่อน ของนักการเมืองผู้ใหญ่ของบ้านเมืองย่านหลักสี่ และ สนง.เขตหลักสี่ ได้ออกคำลั่งห้ามใช้ ห้ามเข้า รพ.สนามพลังแผ่นดิน”

จากนั้น ได้มีผู้เข้ามาคอมเม้นท์ว่า “ดูตารางดีๆ…คนไข้ส่วนที่รับมาจากบุษราคัม ยอดรวมสะสม 10 คือมากเป็นอันดับ 1 เลยครับ จุฬากับศิริราช รับจากบุษราคัมสะสมรวมแห่งละ6 ครับ ลำดับที่3 ที่เห็นนั้น เป็นลำดับการเรียงชื่อโรงพยาบาลเท่านั้นครับ สรุป..ที่เห็นนี่ รับคนไข้อาการหนักมาจากบุษราคัมเป็นอันดับหนึ่งเลยนะ (น่าจะมีส่วนตรงที่ว่าอยู่ใกล้ด้วยครับ)”

พล.ต.นพ.เหรียญทอง ตอบกลับว่า “ไม่กล้าโม้ครับ 555”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยหนักที่ส่งต่อจากโรงพยาบาลสนามบุษราคัม อาคารอิมแพ็คเมืองธานี โดยกรมการแพทย์ ระบุว่า โรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน รับผู้ป่วยอาการหนักจาก รพ.บุษราคัม ยอดรวม 10 ราย สูงเป็นอันดับ 1 ในขณะที่ รพ.จุฬาฯ และ รพ.ศิริราช ยอดรวม 6 ราย รพ.ทรวงอก 8 ราย

พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีหลายท่านเป็นห่วงเกรงว่าสำนักงานเขตหลักสี่จะมารื้อถอน รพ.สนามพลังแผ่นดิน…ผมตอบให้ทราบทั่วกันว่า ไม่ต้องไปเกรงกลัวอะไรมันหรอกครับ สำนักงานเขตหลักสี่มันแค่ตัวตลก ขนาดร้านค้ารุกล้ำที่ดินเอกชน 4-5 ร้านประชิดแนวรั้ว รพ.สนามพลังแผ่นดินที่ผิดกฎหมายชัดๆ ไม่ได้ขออนุญาต สำนักงานเขตหลักสี่มันยังไม่กล้ารื้อถอนเลย นับประสาอะไรกับ รพ.สนามพลังแผ่นดินที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบรรเทาสาธารณภัยล่ะครับ

ถ้ามันแน่จริงให้มันรื้อร้าน 4-5 ร้านที่ผิดกฎหมายประชิดรั้ว รพ.สนามพลังแผ่นดินให้ผมดูก่อนสิครับ…ชักสงสัยแล้วนะครับว่าใคร???…เก็บส่วยร้านค้าเหล่านี้…ผอ.เขต หรือ เทศกิจว่าไง???….ใครวะ???

นอกจากนี้ การที่ รพ.สนามบุษราคัม ส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักมายัง รพ.สนามพลังแผ่นดินมากนั้นถือว่าเป็นการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดเนื่องจากระยะทางระหว่าง รพ.ทั้ง 2 แห่งใกล้กัน ห่างกันเพียงแค่ไม่เกิน 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถพยาบาลเพียงแค่ 5 นาที…ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ รพ.สนามบุษราคัมได้รับประโยชน์สูงสุด…รพ.สนาม บุษราคัม สามารถรับผู้ป่วยโควิด-19 จัดชั้นสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยจำนวนมาก ๆ นับพันเตียงได้อย่างคล่องตัว ไม่สิ้นเปลืองบุคลากรทางการแพทย์ขั้นสูง…ถือว่าเป็นการปฏิบัติการ “รพ.คู่” ระหว่าง รพ.สนามบุษราคัม กับ รพ.สนามพลังแผ่นดิน ในลักษณะ “บั๊ดดี้ทหารคู่ยาก [Buddy]”

ดังนั้นการที่กระทรวงสาธารณสุขวางกำลังจัดตั้ง รพ.สนาม บุษราคัม ระดับ 1-2 รับผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยมี รพ.สนาม พลังแผ่นดิน ระดับ 3 ทำหน้าที่รับส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักและปานกลาง จึงทำให้การปฏิบัติการ “รพ.คู่” ในรูปแบบนี้สามารถรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ได้มีคอมเม้นต์ชื่นชมจากประชาชนด้วยว่า รพ.สนามพลังแผ่นดินมีประโยชน์มหาศาล ปชช.ที่เจ็บป่วยด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ล้วนได้ประโยชณ์จากรพ.สนามพลังแผ่นดิน ต้องขอบคุณคุณหมอที่ต้นคิดสร้างรพ.สนามพลังแผ่นดิน ทั่วโลกรับรู้และชื่นชมไปทั่วค่ะ ลูกสาวอยู่เมกาดูจากที.วี.ยังรู้เลยนะคะ ภูมิใจมากค่ะ คุณหมอเหรียญทอง