จับตา 24 ก.ย.นี้ ศาลฎีกา ชี้ขาด คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร”วัฒนา เมืองสุข”

4312

จับตา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง นัดพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มี “วัฒนา เมืองสุข” และผู้เกี่ยวข้องตกเป็นจำเลยรวม 14 รายวันที่ 24 ก.ย.นี้

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 63 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 62 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548–2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 56 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย (ศาลออกหมายจับไว้ หลบหนีระหว่างพิจารณาคดี) และกลุ่มเอกชน รวม 14 ราย เป็นจำเลย

ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

คดีนี้เริ่มมีการไต่สวนพยาน ตั้งแต่ปี 2562 เรื่อยมา โดยมีทั้งจำเลยที่ได้รับการประกันตัว และจำเลยที่อยู่ในเรือนจำ (เสี่ยเปี๋ยงที่ถูกจำคุกในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี) และจำเลยที่ 6-7 , 10-12 หลบหนีคดี ศาลก็ได้ออกหมายจับไว้แล้ว

ขณะที่การไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้ายวันนี้ ฝ่ายจำเลยได้นำพยานขึ้นเบิกความ จำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย 1.น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 5 ในฐานะเลขานุการของเสี่ยเปี๋ยง เบิกความเกี่ยวกับการทำธุรกรรมในฐานะลูกจ้าง บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งต่อมาได้ถือหุ้นแทนเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4 และเป็นกรรมการบริษัท

2.หนึ่งในกรรมการบริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด จำเลยที่ 13 อาชีพทนายความ มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเรื่องคดีต่างๆ ของบริษัท โดยเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ปี 2561 ก่อนการฟ้องคดีนี้ เบิกความตามเอกสารที่ได้ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพยานเอกสารของกรรมการบริหารชุดเก่า ไม่ทราบเรื่องขณะเกิดเหตุ

3.น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ จำเลยที่ 14 เบิกความเกี่ยวกับการเซ็นเอกสาร การดำเนินโครงการตามสัญญา ซึ่งยืนยันว่าโครงการสำเร็จ 95% ปฏิบัติตามสัญญามาตลอด

นอกจากนี้ ศาลได้ไต่สวนพยานของศาล อีก 1 ปาก เป็นอดีตข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยยืนยันคำเบิกความตามเอกสารที่ระบุจำเลยที่ 1-3 ไม่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องใดๆ ในคดีนี้

ภายหลังศาลไต่สวนพยานทั้งหมด 4 ปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้กำหนดนัดส่งเอกสารคำแถลงปิดคดี ภายในวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 ก.ย.63 เวลา 11.00 น.

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 14 ราย ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พม., นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตบอร์ด กคช. และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการระหว่างวันที่ 9 ก.ย. 2548 – 19 ก.ย. 2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีต ผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง, น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ, บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน,

บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย, บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย, บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง และ น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ

คราวนี้ต้องมาลุ้นกันว่า พรุ่งนี้ผลตัดสินชี้ขาดของศาลฎีกา แผนกนักการเมือง จะออกมาเป็นอย่างไร??