หลังจากที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยได้ออกมาประกาศ ขอยืนเคียงข้างม็อบ 3 นิ้ว และแยกเดินคนละทางกับนายจตุพร ซึ่งช่วงที่ผ่านมา เจ้าตัวก็เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดนายณัฐวุฒิ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “นายกฯยืนยันตลอดว่ามีเงินซื้อวัคซีนแน่นอน (เงินที่กู้เขามานั่นแหละ)แต่สถานการณ์ที่ทุกประเทศแย่งวัคซีนกันแบบนี้ มีแค่เงินไม่พอต้องมีปัญญาด้วยถึงจะซื้อได้หลายยี่ห้อ พอกับความต้องการและทันเวลา
เรื่องวัคซีนผิดพลาดตั้งแต่ต้นยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง หลายประเด็นกลายเป็นเรื่องลึกลับ สยามไบโอไซเอนซ์รับว่าเป็นแค่ผู้ผลิตเรื่องอื่นไม่เกี่ยว วัคซีนเป็นสิทธิ์ขาดของแอสตร้าเซนเนก้าจะจัดให้ไทยเท่าไหร่หรือยังไม่ให้สุดแล้วแต่ตกลงกับรัฐบาล เท่านี้ก็ตรมหนักหนาแล้ว”
จะใช้งบ 600 ล้านให้บริษัทเอกชนเพื่อความมั่นคงทางวัคซีนก็ไม่ว่า แต่นั่นต้องเป็นแผนระยะยาวไม่ใช่เอามาผูกกับวิกฤติเฉพาะหน้า เรื่องพวกนี้ต้องเป็นยุทธศาสตร์ไม่ใช่ยุทธวิธีในการแก้ปัญหา กรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่รู้ได้คิดกันบ้างหรือเปล่า หรือทำได้แค่ใช้สถานะนี้ลัดคิวฉีดวัคซีนก่อนประชาชน
วันนี้ชาวบ้านป่วยโรคโควิด ส่วนโรงพยาบาลป่วยโรควัคซีนไส้เลื่อน แค่ต้องตอบคำถามประชาชนที่ถูกเลื่อนนัดก็สาหัส เพราะไม่มีใครเชื่อใครแล้วจนกว่าจะได้ฉีดจริง
ประเมินแล้วเราอาจรอดวิกฤตนี้ด้วยวัคซีนบริจาค ทั้งที่กำเงินในมือแต่ไม่มีปัญญาจัดซื้อ อยู่มา 7 ปีรู้จักแต่ซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ ห้ามยังไงท้วงยังไงก็จะซื้อ มุบมิบเข้าครม.ก็เคยทำ บริหารประเทศจนตูดขาด กู้สูงสุดเป็นประวัติการณ์แต่เนื้องานละลายน้ำจับต้องไม่ได้ ลุงตู่ 7 ปี แล้วไง? ฉิบหายสิครับ ถามได้