สืบเนื่องจากกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีมีรายชื่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณปี 2564 เป็นเพียงอนุกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเสรีรวมไทย
แต่พอร่วมประชุมทางสำนักงบประมาณก็มาพูดคุยด้วย บอกไม่มีคนแม่นกฎหมายและสรุปได้เท่าตน เขาถามว่าทำไมไม่ขึ้นห้องใหญ่ ก็ชี้แจงไปว่าไม่ได้เป็นกรรมาธิการ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยก็พูดว่าไม่ได้เป็นกรรมาธิการทำไมไม่บอก เพราะจะให้โควตาของพรรคภูมิใจไทย
กระทั่งปีนี้จะมีการตั้งกรรมาธิการงบประมาณ 2565 ทางพรรคพลังประชารัฐที่เคยทำงานด้วยกันในพรรคเพื่อไทยก็มาชักชวนให้มาช่วยดูการจัดทำงบประมาณ จึงตอบไปว่าได้ เพราะเป็นคนทำงาน ไม่ได้มีอะไร และในชั้นกรรมาธิการงบมองว่าถ้าอยู่เสียงข้างมากจะทำงานแล้วเกิดประโยชน์ ถ้าอยู่เสียงข้างน้อยจะทำอะไรได้ไม่มาก และดูแล้วก็เพียงมาท้วงติงงบเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่างเท่านั้น ไม่ได้ต้องการทำอย่างจริงจัง และครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดต่ออะไรมานานแล้ว เมื่อพรรคพลังประชารัฐเสนอมาก็ยินดีทำงานให้สภาฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือยัง นายเรืองไกรตอบว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ เพราะตอนนี้ขั้นตอนทางเอกสารยังไม่สมบูรณ์ ถ้าเอกสารเรียบร้อย ก็จะเป็นสมาชิกพรรคอย่างสมบูรณ์
เมื่อถามว่าอีกว่า ถือเป็นการย้ายขั้วหรือไม่ นายเรืองไกร ตอบว่า ไม่เกี่ยว ตนทำงาน อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เพราะเป็นแมวที่จับหนูได้ทุกสี ถ้ามันทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ยืนยันเรื่องร้องเรียนต่างๆที่ตนดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ทั้งในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หรือใครในซีกรัฐบาล จะเดินหน้าต่อไปไม่มีการถอนเรื่อง และเท่าที่รู้สึกคนฝ่ายรัฐบาลเมื่อตนร้องไปไม่งอแงตีโพยตีตีพายตัดพ้อต่อว่าอะไร เขาก็ชี้แจงไปปกติ ต่างจากฝ่ายค้านที่พอร้องไปแล้วมีการโวยวาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายเรืองไกร เคยมีประเด็นกับทางนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรื่องสอบนาฬิกาหรู โดยนายเรืองไกรได้ไปร้องเรียนต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า นายยุทธพงศ์ได้ใส่นาฬิกาหรู ไปแถลงข่าวฯ เรื่องการตัดงบฯของกระทรวงกลาโหม และบ่อนการพนันเถื่อน ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค.64 เวลา 10.00 น. จนทางด้านนายยุทธพงศ์ ได้สวนกลับว่าผมขอเรียกร้องให้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ว่า อย่ามากลั่นแกล้ง ใส่ร้ายกันทางการเมือง เนื่องจากนายเรืองไกร มีเรื่องส่วนตัวกับผม และท้าให้มาเจอกันที่พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้การเปลี่ยนขั้วของนายเรืองไกร ที่อยากจะมาขอซบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนั่งตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณพ.ศ.2565 นั้น ทั้งที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน แต่พอไม่ได้ตำแหน่ง ก็เปลี่ยนขั้วทันที ทำให้เกิดการจับตามองว่า พลังประชารัฐจะดึงเข้ามาอยู่ในพรรคด้วยหรือไม่
ล่าสุดทางสำนักข่าวเดอะทรูธ ได้สอบถามข้อเท็จจริงไปถึงผู้เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ จึงทราบว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้านกิจการงานสภา ได้เป็นคนประสานงาน ให้นายเรืองไกร เข้ามามีบทบาทในหน้าที่นี้ และจะมาอยู่ภายใต้การดูแลของนายธรรมนัส พรหมเผ่า โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ นั้น อดีตเคยเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย เหมือนกับนายเรืองไกรด้วย