เกาหลีเหนือตีแสกหน้าสหรัฐ!?!กลับกลอกหนุนนิวเคลียร์เกาหลีใต้ จุดชนวนขัดแย้งคาบสมุทรเกาหลี ย้ำชัดศัตรูหมายเลข 1

1454

รัฐบาลเปียงยางประณามรัฐบาลวอชิงตัน “ยังคงทำตัวเป็นศัตรูและตีสองหน้า” จากกรณีสหรัฐยกเลิกข้อตกลงจำกัดพิสัยขีปนาวุธที่เปิดทางให้เกาหลีใต้พัฒนาเอง ภายใต้การสนับสนุนจากสหรัฐ เป็นการสร้างความตึงเครียดเพิ่มในคาบสมุทร แม้ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือจะคงย้ำว่า สหรัฐฯเป็นศัตรูไม่ใช่เกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้สหรัฐได้เชิญรมว.ด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นประชุมที่รัฐแมรีแลนด์ ได้ประกาศไตรภาคีร่วมมือปลดนุกเกาหลีเหนืออย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งไม่ได้ทำให้เกาหลีเหนือหวั่นไหวแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 31 พ.ค.สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเปียงยาง เผยแพร่บทความชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับการที่สหรัฐและเกาหลีใต้ยกเลิกข้อตกลงด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี ซึ่งจะเป็นการยุติข้อจำกัดที่เคยห้ามเกาหลีใต้พัฒนาขีปนาวุธซึ่งมีพิสัยทำการเป็นระยะทางไกลกว่า 800 กิโลเมตร “ยิ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนในความเป็นปรปักษ์ของสหรัฐที่มีต่อเกาหลีเหนือ และการตีสองหน้าอย่างไร้อย่างอาย” 

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในบทความชิ้นนี้เน้นว่า “ศัตรูของเกาหลีเหนือคือสหรัฐ ไม่ใช่เกาหลีใต้” และรัฐบาลเปียงยางพร้อมเผชิญหน้ากับอเมริกา “ด้วยความแข็งแกร่งอย่างทัดเทียมกัน”

ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเรียกได้ว่า เป็นการตอบสนองอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเกาหลีเหนือ ต่อการที่ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ เยือนกรุงวอชิงตัน เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อหารือแบบพบหน้ากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ “ความพยายามร่วมกัน” เพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นพื้นที่ปลอดนิวเคลียร์อย่างถาวร

ส่วนข้อตกลงทางทหารที่สหรัฐและเกาหลีใต้ไม่ต่ออายุนั้น เป็นการลงนามกันเมื่อปี 2522 เพื่อแลกกับการให้รัฐบาลโซลได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทหารจากรัฐบาลวอชิงตัน เกาหลีใต้ต้อง “แช่แข็ง” การพัฒนาขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการ 180 กิโลเมตร ในระยะเริ่มแรก ก่อนมีการปรับแก้เงื่อนไขเมื่อปี 2555 เป็นการระงับการพัฒนาขีปนาวุธซึ่งมีพิสัยทำการ 800 กิโลเมตร และติดตั้งหัวรบน้ำหนัก 500 กิโลกรัม ซึ่งระยะทางนั้นเพียงพอโจมตีเป้าหมายในเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่ถึงญี่ปุ่นและจีน

สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีมติร่วมในการประชุมด้านความมั่นคงระดับสูงเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 ว่าจะผนึกกำลังกันเพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ, ชิเงรุ คิตามูระ เลขาธิการใหญ่ด้านความมั่นคงแห่งชาติญี่ปุ่น และ ซูห์ ฮุน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้ออกคำแถลงร่วมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะจัดการปัญหาเกาหลีเหนือ “ผ่านความร่วมมือไตรภาคี เพื่อนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์”

ทั้ง 3 ชาติยังเห็นพ้องกันว่าประชาคมโลกจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ “เพื่อป้องกันการสะสมอาวุธ ตลอดจนร่วมมือกันเพื่อยกระดับการป้องปราม และธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี”

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงจากพันธมิตรทั้ง 3 ประเทศยังได้พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในประเด็นอื่นๆ เช่น การต่อสู้โควิด-19, ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในพม่า

การประชุมหารือครั้งนี้จัดขึ้นที่วิทยาลัยทหารเรือในเมืองแอนนาโพลิส รัฐแมริแลนด์ และถือเป็นการประชุมระดับสูงสุดระหว่างสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไบเดน เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564

เกาหลีเหนือซึ่งพยายามเรียกร้องให้อเมริกาเลิกคว่ำบาตรโครงการอาวุธของตนเอง ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลไบเดนกำลัง “เดินเกมพลาด” และ “แสดงความเป็นศัตรูที่หยั่งรากลึก” กับรัฐโสมแดง ด้วยการออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทดสอบขีปนาวุธที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นสิทธิในการป้องกันตนเอง

โจเซฟ ยุน อดีตผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯด้านเกาหลีเหนือทั้งในยุคของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และ โดนัลด์ ทรัมป์ และเวลานี้ทำงานร่วมสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Institute of Peace) ให้ความเห็นว่า ทางเลือกในด้านนโยบายของสหรัฐฯ คงจะหนีไม่พ้นไอเดียที่ว่า “คุณต้องการให้พวกเขาปลดนุก และคุณอยากจะใช้วิธีคว่ำบาตรเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา”

“แต่เราจะเดินก้าวแรกอย่างไรเพื่อไม่ให้เกาหลีเหนือออกมาแสดงพฤติกรรมยั่วยุอีก นั่นแหละคือสิ่งที่ท้าทาย” ยุน ระบุ

ฝ่ายที่เห็นด้วยกับแนวทางเจรจามองว่า รัฐบาลไบเดนกำลังมองข้ามความสำคัญของข้อตกลงกว้างๆ ที่ ทรัมป์ และ คิมจองอึน พูดคุยกันไว้ที่สิงคโปร์เมื่อปี 2018 และนั่นอาจเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความไว้เนื้อเชื้อใจกัน