ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ครองตำแหน่งเป็นสมัยที่ 4 ตามความคาดหมาย ด้วยคะแนนสนับสนุนเกิน 95% พันธมิตรทั้งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และรัฐบาลอิหร่านรีบแสดงความยินดี ผลการเลือกตั้งคราวนี้สะท้อนให้เห็นว่าซีเรียยังคงบริหารจัดการบ้านเมืองได้เป็นปกติ ประชาชนตาสว่างว่าใครกันแน่รุกรานแทรกแซงทำประเทศเกือบล่มสลาย ซีเรียต้องตกอยู่ท่ามกลางไฟสงครามมานานถึง 10 ปีที่คร่าชีวิตคนนับแสน และทำให้ประชากรอีก 11 ล้านคน หรือราวๆ ครึ่งประเทศต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน
ฮัมมูดา ซับบักห์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรของซีเรีย ได้ประกาศผลการนับคะแนนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ค.2564 ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันพุธ ซึ่งมีผู้สมัคร 3 คนนั้น ประธานาธิบดีอัสซาดชนะคะแนนอันดับ 1 ด้วยคะแนนสนับสนุนถึง 95.1% โดยมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากกว่า 14 ล้านคน หรือราว 78%
ส่วนคู่แข่งของอัสซาดอีก 2 คนคือ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ อับดัลลาห์ ซาลุม อับดัลลาห์ ได้คะแนน 1.5% และมะห์มูด อาเหม็ด มาเร ผู้นำพรรคฝ่ายค้านพรรคเล็ก ได้ 3.3%
ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้อัสซาดวัย 55 ปี ได้ครองอำนาจต่อไปอีก 7 ปี และจะทำให้ตระกูลของเขาปกครองประเทศนี้ยาวนานร่วม 6 ทศวรรษ นับจากยุคของฮาเฟซ อัลอัสซาด ผู้บิดาที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2543 แล้วอัสซาดผู้ลูกรายนี้ได้ครองอำนาจสืบแทน หลังผลการเลือกตั้ง อัสซาดโพสต์ลงเฟซบุ๊กของเขา แสดงความขอบคุณชาวซีเรียทุกคนที่มีความรู้สึกรักชาติอย่างแรงกล้า และการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง
รายงานระบุว่า ประชาชนหลายพันคนได้ออกมาร้องเพลงและเต้นระบำตามท้องถนนกันอย่างคึกคักตลอดวันพฤหัสบดี (27) โดยมีการชูภาพถ่ายของอัสซาด และโบกสะบัดธงชาติซีเรียเพื่อฉลองชัยชนะในศึกเลือกตั้ง
หลังจากที่สามารถทวงคืนดินแดนซีเรียกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลได้แล้วกว่า 70% โจทย์ใหญ่ที่สุดสำหรับอัสซาดในตอนนี้คงจะหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจถดถอย และด้วยปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้งการถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร, ภาวะล่มสลายทางการเงินในเลบานอน, โรคระบาดโควิด-19 ตลอดจนศักยภาพในการช่วยเหลืออย่างจำกัดของมิตรประเทศอย่างรัสเซียและอิหร่าน ทำให้โอกาสที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจซีเรียกลับคืนสู่ความมั่งคั่งเป็นไปได้ยาก
ภายหลังการประกาศผลอย่างเป็นทางการ รัฐบาลรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอัสซาด แถลงเมื่อวันศุกร์ยกย่องชัยชนะที่เด็ดขาดของอัสซาด ว่าเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การเสริมสร้างความมั่นคงภายใน
รัฐบาลอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญเช่นกัน แสดงความยินดีกับชัยชนะอันถล่มทลายของอัสซาด โดยระบุว่าเป็น “ก้าวสำคัญ” ที่จะนำไปสู่การรื้อฟื้นสันติภาพหลังจากทศวรรษแห่งสงครามกลางเมือง
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส,และ อิตาลี ได้ออกคำแถลงร่วมวิพากษ์วิจารณ์อัสซาดว่าคงจะไม่ได้จัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแน่นอน ขณะที่ตุรกีโดยปธน.แอโดกันซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอัสซาดมานานก็ตราหน้าศึกเลือกตั้งในซีเรียว่าปราศจากความชอบธรรม