ช่อตอบแล้วปมพ่อรักษามะเร็งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่สำนึกบุญคุณ? อ้างพิลึก!ปชช.มีบุญคุณรพ.ได้ใช้ภาษี

2555

จากที่ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แถลงความร่วมมือนำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ทางปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถส่งวัคซีนซิโนฟาร์มให้ลอตแรก 1 ล้านโดสในเดือน มิถุนายนนั้น

ทั้งนี้โดย หมอนิธิ กล่าวว่า จะสั่งจองเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับจำนวนความต้องการของหน่วยงาน องค์กร สำหรับราคาจำหน่ายคาดว่าไม่เกิน 1,000 บาทต่อโดส เป็นค่าวัคซีน ค่าประกันค่าขนส่ง ไม่ได้หวังกำไรเพราะเป็นหน่วยงานรัฐ หากโรงพยาบาลเอกชนติดต่อซื้อไปฉีดเป็นวัคซีนทางเลือก ต้องควบคุมราคาที่เหมาะสมไม่สูงเกินไป เมื่อบวกค่าบริการของสถานพยาบาลแล้ว

“​เบื้องต้นวัคซีน จะนำเข้ามาช่วงเดือนมิ.ย. จำนวน 1 ล้านโดส แต่จะมาเมื่อไหร่อย่างไร กำลังดูเรื่องการขนส่ง เพราะเพิ่งทราบว่า วันนี้ ได้รับการอนุมัติแล้ว จะต้องมีการติดต่อเพื่อนำเข้าต่อไป โดยวัคซีนดังกล่าว เป็นวัคซีนทางเลือก ที่จัดทำโดยงบประมาณของราชวิทยาลัยฯ​ ราคาที่จะกำหนด ต้องพิจารณาต้นทุน ค่าขนส่ง ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไม่คิดกำไร ส่วนผู้ที่จะนำวัคซีนไปฉีด จะคิดค่าบริการฉีดเท่าไหร่ก็จะต้องไปคำนวณต่อไป และการสั่งต่อไปจะอยู่ที่การคำสั่งซื้อในอนาคต” นพ.นิธิ กล่าว

ต่อมา น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ ถึงกรณีดังกล่าว และยังได้กล่าวพาดพิงไปถึงคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ เครือแปซิฟิก สถานีวิทยุ​กระจายเสียงกองทัพบก จส.100 ว่า

“เข้าไปฟังห้องราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อธิบายเรื่อง ซิโนฟาร์ม ได้รับไมค์ แต่ระหว่างรอถามกลับโดนเตะลงมา และปิดไม่ให้ยกมือถามอีก เลยขอถามทางนี้ค่ะ ที่จุฬาภรณ์บอกว่าจะหัก 10% จากที่เอกชนซื้อ เป็นวัคซีนบริจาคให้คนด้อยโอกาส จุฬาภรณ์จะใช้อะไรวัดว่าใครด้อยโอกาสและควรได้วัคซีนบริจาค

คำถามที่สอง เห็นว่ามีคนติดต่อขอซื้อเยอะ น่าจะเกินจากจำนวน 1 ล้านโดสแรกที่มี จะมีวิธีการอย่างไรในการเลือกว่าจะขายให้กับเจ้าไหน เพราะเท่าที่ฟัง มีทั้งบริษัทเอกชนใหญ่อย่างปตท. สภาอุตสาหกรรม และอบจ. หลายจังหวัด แบบนี้เท่ากับอำนาจในการจัดสรรวัคซีนส่วนนี้จะอยู่ที่จุฬาภรณ์ ไม่ใช่รัฐ?

สำหรับผู้ที่สงสัยว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่บอกว่าเอารายได้ตัวเองไปซื้อวัคซีน ซิโนฟาร์ม ตกลงหน่วยงานนี้ได้รับงบจากภาษีประชาชนหรือไม่ คำตอบคือ ได้ค่ะ ได้ปีนี้ 5,700 ล้านบาท ปีที่แล้ว 7,700 ล้านบาทค่ะ”

ขณะที่เพจชื่อดัง The METTAD  ได้แชร์โพสต์ของช่อ ในเรื่องข้อสงสัย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เกี่ยวกับรายได้ การนำเงินไปซื้อวัคซีน ซิโนฟาร์ม ทั้งนี้โดยเพจดังกล่าวได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมด้วยว่า

“ในส่วนของค่าใช้จ่าย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีในการวิจัยและพัฒนา ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ที่ทันสมัย และการพัฒนาบุคลากร รวมไปถึง การช่วยเหลือประชาชนในการตรวจคัดกรองและการรักษา ทำให้พ่อของบางคนได้รักษามะเร็ง ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ดีที่สุด”

กระนั้นเมื่อข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากในโลกโซเชียลฯ พร้อมๆกับคำถามดังกระหึ่ม ว่า มีพ่อของใคร บุคคลใดที่ได้รักษาโรคมะเร็ง จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขณะเดียวกันก็มีเสียงตำหนิ และตั้งข้อสงสัยกันอย่างมากว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร

ล่าสุด น.ส.พรรณิการ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์Pannika Wanich@Pannika_FWP เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวลือในโลกโซเชียลว่า

“ตลกคนที่เอาข่าวไปปล่อยว่าพ่อดิฉันก็เคยไปรักษามะเร็งที่จุฬาภรณ์ ทำไมไม่สำนึกบุญคุณ 1. พ่อไม่เคยไปรักษามะเร็งที่นั่น 2. ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวอะไรเลย กับสถานะการเป็นหน่วยรับงบประมาณของราชวิทยาลัย โรงพยาบาลก็ต้องเปิดให้คนไปรักษา เป็นบุญคุณจากภาษีประชาชน ที่ทำให้คนไข้มะเร็งได้รักษาในราคาไม่แพง”