จากกรณีที่นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ โดยระบุว่า “ส.ส.พลังประชารัฐ และ ส.ส.รัฐบาล ได้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า โดยเจ้าหน้าที่จะถามก่อนว่า เป็น ส.ส.พรรคไหน ถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้าน เจอฉีดตัวซิโนแวค” นั้น
ต่อมานายประเสริฐพงษ์ ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่าที่ฟังมา ส.ส.รัฐบาลเขาก็บอกว่า ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า โดย ส.ส.ที่ได้ฉีดมากกว่า 60 ปีก็ได้ฉีด แต่คำถามอยู่ที่ว่า ในขณะนี้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเขากล้าบอกหรือไม่ว่าคุณได้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าหรือซิโนแวค ซึ่งไม่กล้าบอก เพราะพวกเขาฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนพวกตนเป็นพวกฝ่ายตัวแทนประชาชน ฉีดซิโนแวคเหมือนชาวบ้านทุกคน
“ที่ความแตกก็เพราะว่า มี ส.ส.คนหนึ่งไปฉีดวัคซีนที่ต่างจังหวัด และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ถามว่า ท่านเป็น ส.ส.พลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งถามนำเหมือนกับว่า เจ้าหน้าที่ก่อนจะฉีดต้องรู้ว่าเป็น ส.ส.พรรคไหน ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แล้วเขาจะได้จัดเอาวัคซีนให้ถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายค้านทุกคนจะได้ฉีดซิโนแวค ซึ่งมี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนที่ได้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าภายใต้การต่อรองกับเจ้าหน้าที่”
ขณะที่ในทวิตเตอร์ต้นโพสต์ดังกล่าว ได้มีกลุ่มหนุนพรรคก้าวไกล เข้ามาสอบถามว่า มีหลักฐานมั้ย จะเอาไปฟาดหน้าสลิ่ม แต่นายประเสริฐพงษ์ ไม่ได้ตอบ บอกแค่เพียงว่า มีใบนัดเข็มที่สองบอกไว้ และเจ้าหน้าที่จะถามก่อน ถ้าเป็นส.ส.รัฐบาลจะเลือกได้ จนทำให้มีบางคอมเม้นต์เข้ามาถามย้ำว่า จริงหรือคะ ทำไมถึงเลือกปฏิบัติ แต่ก็มีหลายคอมเม้นต์เห็นแย้งว่า ส่วนใหญ่คนที่อายุ 60 ขึ้นจะได้รับเป็นตัวของแอสตราฯอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีส.ส.ฝ่ายรัฐบาล อย่างภูมิใจไทยหลายคน ที่ฉีดตัวของซิโนแวค อย่างนายอนุทิน ก็ฉีดซิโนแวค ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ไม่ได้ตอบคอมเม้นต์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีประชาชนบ่นด้วยว่า แล้วทำมาเป็นต่อว่าประชาชนว่าเกี่ยงกันเลือกวัคซีน ขนาดส.ส.ยังเกี่ยงกัน อยากจะได้วัคซีนตัวนั้นตัวนี้ นอกจากนี้ยังมีบางคนมองว่าเรื่องนี้แปลก ๆ เพราะหากไม่ได้รับความเท่าเทียม ก็ควรออกมารวมตัวกันพูดแล้ว ส.ส.พรรคนี้ไม่น่าปล่อยให้เรื่องเงียบ