Truthforyou

เบลาสุสส่งบินเจ็ตประกบสั่งไรอันแอร์ลงจอด!?!อ้างมีระเบิด ผลจับบก.เทเลแกรม ฐานเป็นภัยความมั่นคง ทำสหรัฐอียูเต้น

ทางการเบลารุส ได้ส่งเครื่องบินรบ MiG-29 เข้าประชิดเที่ยวบินของสายการบินพาณิชย์ไรอันแอร์ เส้นทางจากกรีซไปยังลิทัวเนีย ให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางมาลงจอดที่เมืองหลวงของเบลารุส ทางการเบลารุสให้เหตุผลว่าที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะพบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นระเบิดอยู่บนเครื่องบิน แต่ในเวลาต่อมาพบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก่อนที่ทางการเบลารุสจะเข้าควบคุมตัวนายโรมัน โปรตาเซวิช วัย 26 ปี ผู้สื่อข่าวที่เป็นแกนหลักแพร่ข่าวการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเบลารุสตั้งแต่ปี 2563 ล่าสุดสหรัฐและยุโรป ตลอดจนนาโต้ส่งสัญญาณจ่อคว่ำบาตรตอบโต้ น่าสังเกตว่าไม่น่าจะเป็นนักข่าวธรรมดา เพราะคล้ายกรณีสหรัฐรวบตัวสโนเดนในปี 2013

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค.2564 เจ้าหน้าที่เบลารุสส่งเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เข้าประกบเครื่องบินโดยสารของสายการบินไรอันแอร์ อ้างว่าได้รับแจ้งเหตุวางระเบิด พาเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดในกรุงมินสก์ จากนั้นก็เข้าควบคุมตัวผู้สื่อข่าวฝักใฝ่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรายหนึ่ง ที่อยู่บนเครื่องบิน ปฏิบัติการครั้งนี้เรียกเสียงประณามจากสหรัฐฯและยุโรป

ในปฏิบัติการที่บรรดาผู้นำอียูบางส่วนประณามว่าเป็นการจี้เครื่องบิน โดยเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ยุคสหภาพโซเวียตของทางการเบลารุส ได้เข้าประกบเครื่องบินโดยสารของไรอันแอร์ ที่กำลังบินจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ไปยังลิธัวเนีย เครื่องบินเบี่ยงไปลงจอดที่เมืองหลวงของเบลารุสอย่างกะทันหัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าจับกุมบรรณาธิการข่าวนามว่า โรมัน โปรตาเซวิช

ผู้สื่อข่าววัย 26 ปีรายนี้ ทำงานให้กับ NEXTA สำนักข่าวออนไลน์ที่มีสำนักงานในโปแลนด์ ซึ่งออกอากาศการประท้วงใหญ่ต่อต้านประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส เมื่อปีที่แล้ว ผ่านทางแอปพลิเคชันเทเลแกรม ในช่วงเวลาที่สื่อมวลชนต่างชาติยากที่จะทำเช่นนั้น

โปรตาเซวิช ซึ่งเวลานี้ทำงานให้กับช่องเทเลแกรมอีกแห่ง ที่ชื่อ Belamova เป็นที่ต้องการตัวในเบลารุสตามข้อกล่าวหาหัวรุนแรง และโดนกล่าวหาเป็นภัยความมั่นคง เป็นตัวบงการเหตุจลาจลครั้งใหญ่และปลุกปั่นความเกลียดชังบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธ

จากข้อมูลเว็บไซต์การบิน flightradar24.com พบว่า เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางเพียง 2 นาที ก่อนข้ามเข้าสู่น่านฟ้าของลิธัวเนีย และหลังจากจอดนิ่งในกรุงมินสก์นาน 7 ชั่วโมง เครื่องบินก็เทกออฟอีกครั้งและท้ายที่สุดไปลงจอดที่วิลนีอุส เมืองหลวงของลิธัวเนีย โดยมีนายกรัฐมนตรีลิธัวเนีย อิงกริดา ซีโมนีเต รอให้การต้อนรับผู้โดยสาร

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปขู่คว่ำบาตรรอบใหม่เบลารุส ส่วน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกการบังคับลงจอดและการจับกุมครั้งนี้ ว่า เป็น “การกระทำสุดช็อก” พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวโปรตาเซวิชในทันที และบอกว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน “กำลังประสานงานกับพันธมิตร” ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ลิธัวเนีย ซึ่งเป็นถิ่นพำนักของ โปรตาเซวิช เรียกร้องสหภาพยุโรปและนาโต ตอบโต้ และในเรื่องนี้ทาง เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญานาโต เขียนบนทวิตเตอร์ระบุว่า กรณีนี้ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงและอันตราย จำเป็นต้องมีการสืบสวนระดับนานาชาติ

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ แสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจละเมิดอนุสัญญาชิคาโก อันเป็นเสาหลักของการบินพลเรือน ส่วนสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างเต็มที่

แน่นอนว่า เหตุการณ์นี้จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์อันมึนตึงระหว่างตะวันตกกับเบลารุสเลวร้ายลงไปกว่าเดิม ขณะที่ ลูคาเชนโก กระชับอำนาจใน เบลารุส เข้มข้นขึ้นนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อำนาจในปี 1994

ฝ่ายค้านกล่าวหา ลูคาเชนโก โกงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว และจากนั้นก็ใช้กำลังรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธคำกล่าวหาโกงการเลือกตั้ง

ไรอันแอร์ ระบุในถ้อยแถลงว่า ลูกเรือบนเที่ยวบินได้รับแจ้งจากเบลารุสเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามความปลอดภัยบนเที่ยวบิน และได้รับคำสั่งให้เบี่ยงไปลงจอดที่สนามบินใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือในกรุงมินสก์ สายการบินแห่งนี้ระบุว่าเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย ผู้โดยสารถูกพาลงจากเครื่อง เปิดทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้าตรวจสอบด้านความปลอดภัย จากนั้นเครื่องบินก็มุ่งหน้าสู่วิลนีอุส

ผู้้โดยสารรายหนึ่ง เผยกับรอยเตอร์หลังเดินทางถึงสนามบินวิลนีอุส ว่า ทั้งนักบินและลูกเรือไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงต้องเบี่ยงไปลงจอดที่กรุงมินสก์อย่างกะทันหัน แต่โปรตาเซวิช ขานรับต่อการแจ้งดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ด้วยการลุกขึ้นจากที่นั่ง โปรตาเซวิช เปิดที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ ดึงแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วมอบพวกมันให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางมาด้วยกัน และหลังจากเครื่องบินลงจอด โปรตาเซวิช ก็แยกตัวออกไปทันที

เจ้าหน้าที่เบลารุสพร้อมกับสุนัขดมกลิ่นเข้าตรวจค้นสัมภาระของผู้โดยสารแต่ละคน ในนั้นรวมถึงของโปรตาเซวิช แต่ดูเหมือนไม่พบอะไร 

ด้านประธานาธิบดี กิตานัส นาวเซดา แห่งลิธัวเนีย แถลงข่าวในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (23 พ.ค.) ว่า ผู้หญิงที่เดินทางพร้อมกับโปรตาเซวิช ไม่ได้กลับมาขึ้นเครื่องในเที่ยวบินจากมินสก์สู่วิลนีอุส 

เบลต้า(BelTA) สื่อมวลชนเบลารุสรายงานว่า ลูคาเชนโก เป็นคนออกคำสั่งด้วยตนเอง ให้เครื่องบินรบเข้าประกบพาเครื่องบินโดยสารของไรอันแอร์ไปยังกรุงมินสก์ พร้อมระบุว่า จากการตรวจค้นไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด กลุ่มสิทธิมนุษยชนเผยว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีผู้ประท้วงราว 35,000 คน ถูกควบคุมตัวในเบลารุส ในนั้นหลายสิบคนได้รับโทษจำคุก ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เผยว่าได้เปิดการสืบสวนทางอาญามากกว่า 1,000 คดี

Exit mobile version