อดีตรองอธิการมธ. เล่าเรื่องครอบครัว “ฮาร์ท” เผยสนิทกับแม่-พ่อภูมิใจลูกมาก แต่คงผิดหวังถ้ารู้ กลายเป็นพวกจาบจ้วงสถาบัน!!?
จากกรณีของนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านกล่าวถึงวัคซีน และมีการโพสต์หมิ่นเหม่ ยาเจ้านายขายไม่ออก ต่อมาทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งทนายพร้อมด้วยดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายสุทธิพงศ์ ในความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อมาได้มีการอัดคลิปตอบโต้กันโดยทางแรมโบ้อีสานได้บอกว่า หากฮาร์ทกล้าประกาศจุดยืนว่าจะปกป้องสถาบัน ก็พร้อมที่ถอนแจ้งความให้
ล่าสุดทางด้าน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีครอบครัวของฮาร์ท โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจว่า
ที่จริงผมไม่เคยรู้จักคุณฮาร์ท หรือ คุณสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุลเลย ไม่เคยเจอตัวจริงแม้สักครั้ง เห็นแต่ในข่าว ในทีวี แต่ผมกลับมีความรู้สึกเหมือนรู้จักและมีความผูกพันกับคุณฮาร์ท เนื่องเพราะได้ยินชื่อคุณฮาร์ทครั้งใด ทำให้ผมนึกถึงความหลังในอดีตครั้งนั้น
ในสมัยนั้น วัดเนรัญฯ มีมัคทายิกา เป็นสุภาพสตรี ชื่อประไพ ซึ่งเราไม่เคยจำนามสกุลได้ แต่เราเรียกคุณประไพตามที่คุณยายและคุณแม่เรียกว่า “แม่ไพ” แม่ไพ เป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี มีอารมณ์ขันเป็นเลิศ พวกเราจึงรักใคร่สนิทสนมกับแม่ไพเป็นอย่างมาก แม่ไพ ชอบพูดถึงคุณพ่อของคุณฮาร์ท ให้เราฟังบ่อยๆในน้ำเสียงที่แสดงความภูมิใจว่า
คุณสุวิทย์ ทัดพิทักษ์กุล(คุณพ่อคุณฮาร์ท)เป็นคนชะอำ คุณถนัด คอมันตร์ ซึ่งมีบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ช่วยอุปการะ ให้ไปอยู่ที่บ้านกรุงเทพฯ และสนับสนุนให้เรียนหนังสือ ภายหลังรับราชการจนได้เป็นใหญ่เป็นโตในกระทรวงพาณิชย์
เป็นเรื่องแปลก เมื่อผมมาทำงานเป็นอาจารย์ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมได้รู้จักและมีความสนิทสนมกับอาจารย์รุ่นพี่ในคณะเดียวกันท่านหนึ่ง ซึ่งมีอารมณ์ขันเป็นเลิศเช่นเดียวกับแม่ไพ ท่านชื่อ อ.อำไพ ทัดพิทักษ์กุล ใช่ครับ ท่านเป็นคุณแม่ของคุณฮาร์ท พี่อำไพ มักชอบเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับคุณฮาร์ทซึ่งยังวัยรุ่นในขณะนั้นให้ฟัง ที่ท่านมีความประทับใจมาก และเล่าด้วยความภูมิใจคือ เมื่อคุณฮาร์ทไปเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาเยี่ยมบ้าน ความที่คุณฮาร์ทเล่นเปียโนเก่ง ครั้งหนึ่งเมื่อครอบครัวไปทานอาหารที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีคนเล่นเปียโน คุณฮาร์ทจึงได้ขึ้นไปแสดงฝีมือเล่นเปียโนด้วย เล่นได้เก่งจนมีคนเข้ามาฟังเป็นจำนวนมาก และปรบมือให้จนดังสนั่นไปทั้งห้อง ผมได้ฟังแล้วก็อดรู้สึกชื่นชมตามพี่อำไพไม่ได้
พี่อำไพเล่าด้วยความภูมิใจในลูกชายคนนี้มาก เสียดายที่พี่อำไพ ลาออกจากการเป็นอาจารย์ไปก่อนเกษียณอายุหลายปี หลังจากท่านออกไปก็ไม่มีโอกาสได้พบท่านอีกเลย เป็นเรื่องแปลกอีก เมื่อคุณฮาร์ทเข้าสู่วงการดนตรี ผู้ที่ให้โอกาสให้ “เบิร์ด กะ ฮาร์ท” ได้ออกอัลบั้มชุดแรก ก็เป็นเพื่อนรักและสนิทมากของผมคนหนึ่งชื่อ คุณไชยยงค์ นนทสุต ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทไนท์สปอต โปรดัคชั่น ขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
เป็นเรื่องแปลกอีกเช่นกัน ที่เส้นทางของคุณฮาร์ทกับผมไม่เคยได้มาบรรจบกันเลยสักครั้ง แม้จะมีความเกี่ยวพันกันขนาดนี้ เมื่อผมทราบว่าคุณฮาร์ทโพสต์ข้อความที่ค่อนข้างหยาบคาย หมิ่นประมาทท่านทูต นริศโรจน์ เฟื่องระบิล ผมแปลกใจและรู้สึกผิดหวัง ภายหลังเห็นข่าวคุณฮาร์ทนำดอกไม้ไปขอขมาท่านทูต ทำให้รู้สึกโล่งใจ ว่าอย่างน้อยคุณฮาร์ทก็มีจิตสำนึกที่ดี แต่แล้วโพสต์ล่าสุดของคุณฮาร์ทที่กำลังเป็นข่าวทำให้ผมตกใจและแปลกใจกระทั่งช็อค เพราะเป็นการยกระดับการหมิ่นประมาทที่สูงขึ้นไปอีก สูงจนเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ค่อนข้างชัดเจน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าคำว่า “เจ้านาย” นั้นคุณฮาร์ทหมายถึงเจ้านายพระองค์ไหน หรือหมายถึงทั้ง 2 พระองค์
ครั้งนี้คุณฮาร์ทกลับไม่ได้คิดจะไปขอขมาใคร แต่กลับโพสต์ข้อความขอความเห็นใจจากรัฐบาล ขอไม่ให้ยื่นฟ้องตัวเอง ขอให้มาพูดกับตัวเองดีๆ อธิบายให้ตัวเองเข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าทำให้ตัวเองเข้าใจได้ก็อาจได้ตัวเองไปช่วยประสานงานให้ก็ได้ แม้ขอความเห็นใจ แต่ยังไม่วายมีเหน็บแนมโดยกล่าวถึงเรื่องฝุ่นเรื่องละอองอีกด้วย
ผมไม่แน่ใจว่า หากคุณพ่อของคุณฮาร์ทยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ด้วยความผิดหวังอย่างถึงที่สุด จึงอยากถามคุณฮาร์ทด้วยคำถามเดียวว่า คุณฮาร์ทขอให้ผู้อื่นพูดกับตัวคุณฮาร์ทดีๆ ให้ทำให้คุณฮาร์ทเข้าใจ แต่ก่อนที่จะโพสต์ข้อความที่พาดพิงถึง “เจ้านาย” ในทางเยาะเย้ย และให้เกิดความเสียหาย ทั้งยังดูหมิ่นดูแคลนแพทย์ใหญ่ แพทย์อาวุโสที่ออกมาช่วยเรียกร้องให้คนมาฉีดวัคซีน ซึ่งคุณฮาร์ทเรียกว่า “ลิ่วล้อ” ทำไมคุณฮาร์ทไม่ถามผู้อื่นให้ดีๆ ไม่หาข้อมูลให้ดีๆ และคิดให้ดีๆเสียก่อนเล่า
คุณฮาร์ทไม่ใช่ตาสีตาสา แต่เป็นคนมีชาติตระกูล มีวัยวุฒิ มีการศึกษาดีเยี่ยม หากจะโจมตีรัฐบาล โจมตีพลเอกประยุทธ์ด้วยเหตุด้วยผล คงไม่มีใครว่า ไม่มีใครยื่นฟ้อง แต่ถึงกับกล้าโพสต์ข้อความแบบนี้เกี่ยวกับเจ้านาย ก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกดำเนินคดี อย่าอ้างโน่น อ้างนี่ อย่าขอความเห็นใจทั้งเหน็บแนมแบบนี้เลยครับ ยอมรับชะตากรรมต่อจากนี้ไป เพื่อเป็นบทเรียนดีกว่า จะดูดีกว่าเยอะ และน่าเห็นใจกว่าเยอะ รับรองว่า การยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังเป็นไปไม่ได้ในระยะ 10 ปีข้างหน้านี้ ดังนั้นอย่าได้มีความหวังลมๆแล้งๆไปเลยครับ