“รมว.ดีอีเอส” เพิ่งได้สติ! เตรียมเอาผิด “แหม่มโพธิ์ดำ” ตัดต่อภาพรพ.สนามบุษราคัม เทียบของ “พิมรี่พาย” โจมตีรบ.!?

2069

“รมว.ดีอีเอส” เพิ่งได้สติ! เตรียมเอาผิด “แหม่มโพธิ์ดำ” ตัดต่อภาพรพ.สนามบุษราคัม เทียบของ “พิมรี่พาย” โจมตีรบ.!?

จากกรณีที่ เพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้เผยแพร่รูปภาพโรงพยาบาลสนามของพิมรี่พายและได้นำไปเทียบกับโรงพยาบาลสนามของรัฐบาล พร้อมกับระบุข้อความว่า โรงบาลสนามพิมรี่พาย vs โรงบาลสนามของรัฐบาล

#พิมรี่พาย ใช้งบ 170,000 ได้ 50 เตียง (ตกเตียงละ 3,400)
1 เตียงมีฉากกั้น + ตู้เก็บของ + เครื่องนอน
+ ค่าทำฝ้า, ติดไฟและมุ้งลวด
#รัฐบาล ใช้งบ 239,280,000 ได้ 1092 เตียง (ตกเตียงละ 220,000 )
ไม่มีฉากกั้น + ไม่มีที่เก็บของ สภาพคือตามรูป
จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เพราะโพสต์ดังกล่าวเป็นเท็จ เนื่องจากมีการตัดต่อภาพประกอบรพ.สนามบุษราคัม โดยใช้ภาพเตียงนอนจากที่อื่นมาบอกว่าเป็นของ รพ.บุษราคัม ใช้งบ 239,280,000 บาท สามารถรองรับได้ 1,092 เตียง ตกเตียงละ 220,000 บาท ซึ่งเป็นข่าวปลอมจนเกิดเสียงวิจารณ์รัฐบาลอย่างกว้างขวาง
ล่าสุดทางด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ตรวจสอบพบว่ามีความพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิดถึงการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของรัฐบาล โดยในส่วนของคุณพิมรี่พาย ที่นำเงินส่วนตัวมาสร้างโรงพยาบาลสนาม ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เสียสละช่วยประชาชนในยามลำบาก รัฐบาลก็ต้องขอบคุณถึงความตั้งใจอันดี เช่นเดียวกันอีกหลายๆ คนที่ร่วมช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ตามกำลังหรือความสามารถที่พอจะช่วยได้ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ต่างมีความตั้งใจดี เพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤตโดยเร็ว แต่กลับมีขบวนการที่ไม่หวังดี นำมาเปรียบเทียบ บิดเบือน เพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง

โดยโรงพยาบาลบุษราคัม ที่มีข้อสังเกตเรื่องงบประมาณนั้น จัดตั้งในลักษณะโรงพยาบาลถาวรที่มีมาตรฐาน มีความพร้อมทางการแพทย์ มีอุปกรณ์เครื่องมือดูแลผู้ติดเชื้ออย่างครบครัน มีระบบการดูแลความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์จากหลายจังหวัดจำนวนมาก สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข สามารถชี้แจงรายละเอียดหรืองบประมาณได้ทั้งหมด อีกทั้งภาพที่มีการแชร์เปรียบเทียบในขณะนี้ก็เป็นภาพเก่า ช่วงที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับกลุ่มเสี่ยงเพื่อสังเกตอาการ และเป็นการจัดตั้งในภาวะฉุกเฉิน ก่อนที่จะมีการปรับปรุงให้ได้มาตรฐานในภายหลัง

ในช่วงที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิด-19 แต่กลับมีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม ทางกระทรวงฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้มาโดยตลอด ขอให้ผู้ที่เป็นต้นตอหรือมีส่วนกับการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว ดำเนินการลบโพสต์โดยด่วน และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมรับทราบ มิเช่นนั้น กระทรวงดีอีเอส อาจต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่อไป