ความจริงย่อมต้องเป็นความจริง แม้จะมีคนเดียวพูดในสังคมแล้วไม่มีใครเชื่อ ทำนองเดียวกัน ความเท็จก็คือความเท็จ แม้ว่าคนทั้งสังคมจะพูดขึ้นมาก็ตาม อย่างที่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังถูกคุกคามด้วยกลุ่มคนไม่หวังดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีการแพร่ข่าวลวง ข่าวเท็จสร้างความสับสน หวาดวิตกในสังคมอย่างเป็นกระบวนการ เหตุการณ์ที่กำลังตึงเครียดที่ปาเลสไตน์และอิสราเอลก็เช่นกัน ความจริงกำลังไล่ล่ายิวไซออนนิสต์ทั้งสหรัฐอเมริกา-อิสราเอล การที่อเมริกาสนับสนุนอิสราเอลให้ปล้นแผ่นดินปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่โลกและประชาชนอเมริกันส่วนมากไม่รู้ ว่าผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการแก่อิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขคือรัฐบาลสหรัฐ เพราะสหรัฐฯใช้หน่วยงานซีไอเอควบคุมสื่อกระแสหลักของตนได้
#Israel 🇮🇱 army said its warplanes are carrying out "widespread" strikes across the #Gaza Strip 🇵🇸, claimed they are targeting "terror sites," but gave NO further details#Palestinian sources said there have been 66+ strikes in 30 min & the bombardments are particularly intense pic.twitter.com/beSCvFEGZb
— Saad Abedine 🤬😷🤟🏼 (@SaadAbedine) May 16, 2021
เมื่อวานนี้ วันที่ 16 พ.ค.2564 นสพ.Business Standard ของอินเดีย เสนอข่าวว่า “องค์กรสื่อนานาชาติเรียกร้องให้อิสราเอล ชี้แจงการทำลายอาคารสำนักงานของสื่อต่างชาติหลายสำนักในฉนวนกาซา” ทั้งสำนักข่าว AP สหรัฐอเมริกา สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ และอื่นๆ แม้คนในอาคารจะอพยพออกมาอย่างปลอดภัย โดยกองทัพอิสราเอลประกาศเตือนตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2564 ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะยิงขีปนาวุธ 3 ลูกเข้าใส่อาคาร
แกรี พรุท (Gary Pruit) ประธานและซีอีโอของสำนักข่าว AP กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้โลกรู้น้อยลงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ขณะนี้สำนักข่าวกับหาข้อมูลกับรัฐบาลอิสราเอลและติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม ขณะที่ มอสเตฟา โซอัก (Mostefa Souag) รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักข่าวอัลจาซีรา เรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม เป็นการส่งสัญญาณข่มขู่ชัดเจนไม่ให้สื่อมวลชนรายงานสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่
ขณะที่Instagram และTwitterของสหรัฐ ใช้เอไอไล่ลบโพสเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์โดยทำมึน อ้างว่าเกิดจากการผิดพลาดทางเทคนิค
ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในย่าน Sheikh Jarrah โพสต์ภาพที่พวกเขาโดนขับไล่ในโซเชียลมีเดีย และพวกเขาพบว่ารูปและวิดีโอโดนลบออกจาก Instagram และบัญชี Twitter ของชาวปาเลสไตน์บางรายถูกระงับ ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มออกมาตอบทีหลังว่าเป็นความผิดพลาดทางระบบอัตโนมัติ
Instagram และ Twitter กล่าวว่าบัญชีดังกล่าว “ถูกระงับเนื่องจากระบบอัตโนมัติของเราเกิดข้อผิดพลาด” และปัญหาได้รับการแก้ไขและคืนสถานะเนื้อหาแล้ว “เราเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยู่ในโคลอมเบีย, เยรูซาเล็มตะวันออกและชุมชนพื้นเมืองที่รู้สึกว่านี่เป็นการปิดกั้นเสียงและเรื่องราวของพวกเขาโดยเจตนา ซึ่งนั่นไม่ใช่เจตนาของเราแต่อย่างใด” Instagram กล่าว
7amleh, Access Now และกลุ่มสิทธิทางดิจิทัลอื่นๆ รวมตัวเรียกร้องให้โซเชียลมีเดีย ใช้นโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาที่โปร่งใส และการอ้างว่าเป็นความผิดพลาดเชิงเทคนิคนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้อีกต่อไป
มาดูความจริง ที่กำลังไล่ล่าสหรัฐ-ยิวไซออนนิสต์
แม้จะมีความพยายามปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่อิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์อย่างโหดร้ายผิดกฎหมายสากลและผิดจริยธรรม ด้วยการไขสือปิดโซเชียลมีเดีย แจกระเบิดให้สำนักข่าว แต่ยังมีสำนักข่าวของรัสเซียที่เกาะติดรายงาน เหตุการณ์ได้ทันเหตุการณ์ไม่น้อยคือ รัสเซียทูเดย์ และสปุ๊ตนิค นอกจากนี้ยังมีสำนักข่าวของฝรั่งเศสและอินเดียที่เกาะติดไม่ปล่อยต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดเหตุ และค่อนข้างรายงานให้เห็นการกระทำของทั้งสองฝ่าย และผลกระทบกับประชาชนทั้งผู้หญิงและเด็ก ที่ต้องรับผลกับสงครามแย่งชิงครั้งนี้
ท่ามกลางความตึงเครียดของการรบในแผ่นดินปาเลสไตน์-อิสราเอล ที่สหรัฐอเมริกาสส.และสว.อเมริกันจากพรรคเดโมแครตบางส่วนพากันเปิดโปง คัดค้านนโยบายสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนรัฐบาลอิสราเอลให้ปล้นประเทศชาวปาเลสไตน์ และทำให้ประชาชนปาเลสไตน์บาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก ว่า
สหรัฐอเมริกาบริจาคเงินจากภาษีอากรของคนอเมริกันให้อิสราเอล เพื่อช่วยเหลือทางทหารแบบกินเปล่า ประมาณ 3.8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ตกวันละ 10,400,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และอิสราเอลเอาไปจัดหาอาวุธมาละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ ซีเรียและเลบานอนอย่างต่อเนื่อง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตหลายคนได้กล่าวต่อต้านการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐฯที่มีต่ออิสราเอล และเรียกร้องให้มีการปกป้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งตรงกันข้ามกับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่วนใหญ่ ที่แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่
ในการกล่าวสุนทรพจน์อย่างสะเทือนอารมณ์ สส.ราชิดา ตลาอิบ (Rashida Tlaib) วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ที่แถลงการณ์สนับสนุนอิสราเอลโดยไม่ยอมรับ สิทธิมนุษยชนของชาวปาเลสไตน์
ตลาอิบกล่าวว่า “ไม่มีการรับรู้ถึงการโจมตีครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่ถูกฉุดกระชากออกจากบ้านของตัวเอง ไม่มีการกล่าวถึงเด็กที่ถูกควบคุมตัวหรือถูกฆาตกรรม ไม่ยอมรับว่ามีการรณรงค์การคุกคามและความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องโดยตำรวจอิสราเอลต่อผู้นมัสการที่คุกเข่าอธิษฐานและเฉลิมฉลองวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของพวกเขา ไม่มีการกล่าวถึง มัสยิดอัล-อิอักซอที่ถูกล้อมรอบไปด้วยการปราบปรามด้วยความรุนแรง แก๊สน้ำตาในขณะที่ผู้คนสวดอ้อนวอน”
สส.อยันนา เพรสเลย์ (Ayanna Pressley) กล่าวว่า“ เราไม่สามารถนิ่งเฉยได้เมื่อรัฐบาลของเราส่งเงินช่วยเหลือทางทหารจำนวน 3.8 พันล้านดอลลาร์ให้กับอิสราเอลซึ่งใช้ในการรื้อถอนบ้านของชาวปาเลสไตน์ขังเด็กชาวปาเลสไตน์ งบประมาณคือภาพสะท้อนของคุณค่าของเรา”
สส.อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ- คอร์เตซ พรรคเดโมแครต เรียกอิสราเอลว่า “รัฐแห่งการแบ่งแยกสีผิว”
วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์สแห่งพรรคเดโมแครตเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ New York Times เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พ.คง2564 ว่า “เราไม่สามารถเป็นผู้ขอโทษแทนรัฐบาลเนทันยาฮูฝ่ายขวาจัด และพฤติกรรมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและเหยียดผิวได้อีกต่อไป”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวอัลจาซิราเปิดเผยผลการโจมตีของอิสราเอลได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 192 คนรวมทั้งเด็กอย่างน้อย 58 คนในฉนวนกาซา ขณะที่อิสราเอลเสียชีวิต 12 ราย นับตั้งแต่การโจมตีเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ค.2564 ในเขตเวสต์แบงก์กองกำลังทหารอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 13 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค.2564