การโจมตีด้วยจรวด ขีปนาวุธ และการโจมตีทางอากาศระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววัน หลังเปิดฉากโจมตีกันด้วยอาวุธหนักตั้งแต่ค่ำวันจันทร์ที่ 11 พ.ค.ผ่านมา ล่าสุดปาเลสไตน์ยืนยันว่าได้ตอบโต้อิสราเอลด้วยการยิงจรวดกว่า 130 ลูกเข้าไปยังกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล หลังจากที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ทำให้อาคารสูง 13 ชั้นในฉนวนกาซาพังทลายลงประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้อิสราเอลได้ส่งทหารขับไล่ชาวปาเลสไตน์จากบ้านพักและที่ดินของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งถล่มปราบชาวปาเลสไตน์ที่มัสยิดอัล-อักซอที่นครเยรูซาเลม ทำให้มาเลเซียและอินโดนิเซียสุดทนต้องประณาม และกลุ่มเครือข่ายมุสลิมประกาศพร้อมรบไซออนนิสต์อิสราเอลทุกที่
WATCH: Palestinians describe al-Aqsa Mosque as a 'war zone' after Israeli forces targeted worshippers with tear gas and rubber-coated steel bullets in the mosque's courtyards early on Monday pic.twitter.com/GFdBSqjoCl
— Middle East Eye (@MiddleEastEye) May 10, 2021
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการยิงถล่มอาคาร 13 ชั้นในปาเลสไตน์ โดยอ้างว่าได้มีการแจ้งเตือนให้ผู้ที่อยู่อาศัยรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่อพยพออกจากบริเวณนั้นก่อนหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ทั้งๆที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยของประชาชน
ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีแล้วอย่างน้อย 31 ราย โดย 3 รายเสียชีวิตในอิสราเอล และอีกอย่างน้อย 28 รายเสียชีวิตในฝั่งปาเลสไตน์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปาเลสไตน์ให้ข้อมูลว่า มีชาวปาเลสไตน์จากเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับร้อยคน
Israeli warplanes bombing targets in the heavily populated areas of the Gaza Strip just now.
More than 20 Palestinian civilians have been killed by Israeli warplanes in past 48 hours. pic.twitter.com/i3NI3Iav6B
— CJ Werleman (@cjwerleman) May 11, 2021
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ 10 พ.ค.2564 กรณีการปะทะกันระหว่างตำรวจอิสราเอลและ ชาวปาเลสไตน์ที่มัสยิดอัล-อักซอ มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 700 คน เป็นชาวปาเลสไตน์เกือบทั้งหมด ซึ่งชนวนเหตุมาจากมาตรการควบคุมทางสังคมต่อชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอล และข้อพิพาทยืดเยื้อเกี่ยวกับการขับไล่ครัวเรือนชาวปาเลสไตน์ ออกจากเขตชีค จาร์ราห์ ในนครเยรูซาเลม
มาเลเซียประณามอิสราเอลกรณีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซ่า
โดยสนข.Bernama รายงาน เมื่อ 11 พ.ค.64 อ้างถ้อยแถลงของ ตัน ศรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประณามอิสราเอลกรณีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซ่า ใส่แหล่งอาศัยของประชาชนทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายมาก
นายกฯมาเลเซียกล่าวว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธในเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน ส่งผลทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวในห้วงเดือนรอมฎอน เป็นสิ่งที่ดูหมิ่นและขาดความเคารพต่อชาวมุสลิมและมนุษยชาติ เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขอให้อิสราเอลหยุดการกระทำดังกล่าวต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าทันที และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเฉพาะอย่างยิ่ง UNSC ดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยเร็วเพื่อยุติการกระทำที่รุนแรงต่อปาเลสไตน์
มาเลเซียจะยืนหยัดเคียงข้างชาวปาเลสไตน์และสนับสนุนแนวทางการปลดปล่อยปาเลสไตน์ผ่านหลักการการสถาปนารัฐปาเลสไตน์เคียงข้างอิสราเอล (two-state solution) ให้เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ตามการยึดเส้นแบ่งเขตปี 1967 (The pre-1967 borders) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวที่จะแก้ปัญหากรณีความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลได้
อิสราเอลโจมตีใส่ฉนวนกาซาไม่เลือกที่อ้างโต้ตอบฮามาสสหรัฐกลับตำหนิปาเลสไตน์ถือหางอิสราเอล
สนข.Reuters รายงานเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นรม.อิสราเอล แถลงว่าอิสราเอลจะยกระดับการโจมตีฉนวนกาซ่าเพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาส ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มประเทศอาหรับบางประเทศกล่าวว่าการโจมตีฉนวนกาซ่าของอิสราเอลเป็นการทำโดยพลการและขาดความรับผิดชอบ อิสราเอลต้องรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในนครเยรูซาเล็มด้วย
ขณะเดียวกัน ท่าทีของสหรัฐฯปกป้องอิสราเอลอย่างออกนอกหน้าโดยนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กต.สหรัฐฯ กล่าวว่าต้องหยุดการยิงจรวดจากฉนวนกาซ่าโจมตีอิสราเอลในทันที และให้ทุกฝ่ายหาแนวทางลดความตึงเครียด ไม่พูดถึงการที่กองทหารอิสราเอลขับไล่ชาวบ้านรายวันแม้แต่น้อยว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่?
ด้านอินโดนีเซียได้ประณามอิสราเอลกรณีใช้ความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์
โดยสนข.Anadolu รายงานอ้างข้อความในทวิตเตอร์ทางการของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ประณามการใช้ความรุนแรงของตำรวจอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์บริเวณพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเล็ม และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดำเนินมาตรการกับอิสราเอลที่ใช้ความรุนแรง พร้อมกับยืนยันว่า อินโดนีเซียจะยังคงยืนหยัดอยู่เคียงข้างชาวปาเลสไตน์
ขณะเดียวกัน ภาคีเครือข่ายประชาสังคมมุสลิมอินโดนีเซียเพื่อปกป้องอัลกุดส์ (Koalisi Indonesia Bela Baitul Maqdis-KIBBM) ออกแถลงการณ์ประณามการก่ออาชญากรรมและการละเมิด พระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ และจะขอยืนเคียงข้างกับทุกภาคีเครือข่ายในการปกป้องมุสลิมจากขบวนการยิวไซออนนิสต์ (Zionist Israel)
น่าแปลกที่สหประชาชาติเงียบกริบ ไม่เอาการเอางานเหมือนกรณีเมียนมาทั้งๆที่ปฏิบ้ติการของ อิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ทั้งละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติชัดเจนมาโดยตลอด และสหรัฐออกหน้าปกป้องอิสราเอลในทุกกรณี
จับตาท่าทีสงครามยืดเยื้อในพื้นที่ฉนวนกาซาครั้งนี้ จะขยายวงกว้างหรือไม่ และเครือข่ายประเทศมุสลิมที่ปัจจุบัน แบ่งฝักฝ่ายชัดเจนจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร สงครามใหญ่อาจลุกลามได้ทุกเมื่อ?? ตราบใดที่ตะวันออกกลางยังไม่สงบ!!