เปิดชีวิตหลวงพี่กาโตะ พระนักเทศน์วัย22 จากเมืองคอน “ถ้าไม่มี 3สถาบันหลักก็ไม่มีประเทศไทย”

35337

จากกระแสที่ยังคงเป็นที่พูดถึงกัน สำหรับเรื่องราวของพระนักเทศน์รูปหนึ่ง ซึ่งมีสไตล์การสอนธรรมะที่ถูกใจวัยรุ่น หรือ เยาวชนคนรุ่นใหม่ ทำให้หลายคนอยากรู้ถึงประวัติที่มาของพระรูปดังกล่าว แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง หลวงพี่กาโตะนั่นเอง!!!

ทั้งนี้สำหรับประวัติ หลวงพี่กาโตะ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 ครั้งแต่ยังอยู่ในวัยฆราวาส แรมโบ้ หรือ นายพงศกร จันทร์แก้ว ได้เดินทางไปประกวดร้องเพลงในรายการไมค์ทองคำ 7 เป็นการปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของหลวงพี่กาโตะ ซึ่งครั้งนี้เองที่เป็นที่มาในการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

ต่อมาช่วงเดือนกันยายน 2562 โลกโซเชียลได้แชร์คลิป หลวงพี่รูปหนึ่ง ที่อัดคลิปลงแอปพลิเคชัน TikTok หรือ ติ๊กต๊อก คู่น้องหมาและเครื่องดื่ม โดยจะสอดแทรกมุกตลกควบคู่ไปกับธรรมะ จนมีผู้คนเข้าไปกดติดตาม พร้อมเสียงวิจารณ์ในแง่บวกและแง่ลบ

นั่นเองจึงเปิดประตูวัดให้ทุกคนไปรู้จัก  พระพงศกร จันทร์แก้ว หรือ “หลวงพี่กาโตะ” อายุ 20 ปีในขณะนั้น โดยสื่อมวลชนหลายแขนงต่างพากันเข้าวัดเพื่อไปสัมภาษณ์หลวงพี่ และก็ได้รับรู้ประวัติบางช่วงมาเปิดเผย ซึ่งหลวงพี่กาโตะเล่าว่า มาบวชได้ 4 เดือนแล้ว ตั้งใจจะบวช 1 พรรษา เพราะได้สัญญากับแม่ไว้ว่าจะบวชให้ และท่านก็เสียชีวิตลงเพราะโรคมะเร็งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

หากย้อนไป เมื่อ 2 ปีก่อนนั่นคือ ปี2560 แม่ของหลวงพี่กาโตะ ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงพี่เรียนจบชั้นมัธยมปีที่6 พอดี และได้โควตาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะอยากดูแลแม่ที่ป่วย ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ส่วนพ่อรับราชการเป็นตำรวจ จึงอยากทุ่มเทเวลาดูแลแม่ให้เต็มที่

พระพงศกร ยังกล่าวว่า หลังจากเรียนจบ ก็ทุ่มเทเวลาดูแลโยมแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่ก็มีรับงานแสดงหนังตะลุงด้วย ซึ่งชื่นชอบมาตั้งแต่ 7 ขวบ จากนั้นก็เรียนรู้และพัฒนาตนเองจนมาตั้งคณะชื่อ หนังแรมโบ้ ศ.สุวรรณศิลป์ ตอนอายุ 13 ปี ที่สำคัญก็มีโอกาสได้เรียนรู้จากครูเอกชัย ศรีวิชัย ด้วย

“จริงๆ อาตมาเป็นคนตลก มุกเยอะแยะนะ เพราะอยากให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกไม่เครียด และมีความสุข คนที่ได้พูดคุยกับเรา พออาตมามาบวช ได้มาศึกษาพระธรรม ก็มีความคิดที่อยากจะให้คนเข้าใกล้ธรรมจึงเริ่มเทศน์ให้ไม่น่าเบื่อ แต่ก่อนจะมาเทศน์ได้นั่นหมายความว่า อาตมาจะต้องเข้าใจธรรมะมาให้ดีเสียก่อน พอมีโอกาสก็ได้ลองเทศน์ให้ญาติโยมฟัง หลายๆ คนก็ชื่นชอบบอกอาตมาเทศน์ได้เข้าใจง่ายดี”

อย่างไรก็ตาม หลวงพี่กาโตะ ยอมรับว่า ช่วงแรกๆ ที่ทำคลิปก็โดนด่าอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังโดนด่าอยู่ บางคนบอกว่าไม่เหมาะสม บางคนบอกว่า ทำเถอะเข้าใจง่าย เหมือนได้ข้อคิดในชีวิต โดยคลิปของอาตมาไม่ได้มีการร้องเพลง หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่จะมีการพูดเรื่องสัจจธรรมให้คนที่ดูเข้าใจง่ายๆ

สำหรับวัดที่พระพงศกรจำพรรษาอยู่ ชื่อวัดเพ็ญญาติ ตำบลกะเปียด อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนั้นที่วัดมีพระจำวัดอยู่ 6 รูป

นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ประวัติโดยการบอกเล่าของหลวงพี่เองหลายครั้ง  ย้ำถึงเหตุผลที่บวชเป็นพระที่วัดเพ็ญญาติ นครศรีธรรมราช เป็นความตั้งใจบวชทดแทนบุญคุณ หลังจากที่แม่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอด ขณะพระพงศกรกำลังเรียนอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ แต่ออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วย

“มันเกี่ยวโยงกับการแสดงหนังตะลุงของอาตมา เพราะหนังตะลุงถ้าเราไม่ใส่ธรรมะเข้าไปในเรื่อง คนแก่เขาจะว่าเอาได้ ต้องมีทั้งข่าวสารบ้านเมือง และธรรมะสอนใจ ต้องมีฉากพระคุยกับลูกศิษย์ในเรื่องธรรมะ แต่การแสดงธรรมะของอาตมา ถ้าใส่แค่ธรรมะอย่างเดียว หนังตะลุงไม่น่าสนใจแน่นอน ต้องใส่มุกตลกลงไปด้วย

แต่อาตมาคิดว่าเป็นเพราะเราเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ด้วย ถ้าเกิดในยุคเก่าคงไม่คิดแบบนี้ ทีนี้พอเราเป็นพระวัยรุ่นก็ต้องเข้าถึงวัยรุ่น จะให้เราไปเข้าถึงคนแก่ก็เป็นไปไม่ได้ บวกกับตอนนี้อาตมาเป็นพระนักเทศน์ด้วย เทศน์หลายงานเลย ซึ่งสาเหตุที่เทศน์ได้ก็เพราะเป็นหนังตะลุงนี่แหละ สิ่งนี้เป็นผลพลอยได้

ก่อนหน้านี้อาตมาอยู่กับแม่สองคน เรียนจบ ม.6 ก็เข้าเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ ราชภัฏสุราษฎร์ธานี แต่ก็ออกมาเลี้ยงแม่ เพราะคิดว่าการจ้างคนมาดูแลท่านมันไม่เหมือนกับที่เราดูแลเอง แม่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้ 6 เดือน แต่จริงๆ แล้วอยู่มาได้ 2 ปี เพราะกำลังใจที่เราให้ท่าน”

นั่นคือเรื่องราวของพระพงศกร หรือ หลวงพี่กาโตะ ฉายาที่ได้มาจากเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ปัจจุบันยังคงบวชเป็นพระอยู่ ขณะที่โยมแม่ได้เสียชีวิตแล้ว และด้วยความตั้งใจที่ต้องการสอนธรรมะให้กับคนรุ่นใหม่ กับคำเทศน์หนึ่งซึ่งหลวงพี่อยากให้เยาวชนรักและภูมิใจในความเป็นคนไทย มีผืนแผ่นดินไทย โดยหลวงพี่สอนวิธีชูสามนิ้ว อันนี้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หากไม่มี3สถาบันหลักนี้ วันนี้ก็ไม่มีเราคนไทย ไม่มีประเทศไทย ฉะนั้นจึงภูมิใจ!!!