ผลจากประชุมG7 ที่สหรัฐเป็นแกนนำ ประชุมกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ลอนดอนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกาศให้รัสเซีย-จีนเป็นภัยต่อโลก ขณะที่จีนประณามตอบโต้ในทันที แต่รัสเซียไม่พูดมาก อวดแสนยานุภาพนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดว่า พร้อมมากหากใครจะลุย เพื่อเตือนให้รู้เสียบ้างว่า สหรัฐ-ตะวันตกไม่ใช่มหาอำนาจครอบโลกฝ่ายเดียว ที่จะคุกคามประเทศอื่นๆได้ตามอำเภอใจอีกต่อไปแล้ว
วันที่ 7 พ.ค.2564 เซอร์เกย์ ลาวรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่านโยบายคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯและตะวันตกมีเป้าหมายเพื่อ “ลงโทษระบอบที่ตัวเองไม่ต้องการหรือกำจัดคู่แข่ง”
รัสเซียประกาศทดสอบซูเปอร์นิวเคลียร์อานุภาพร้ายแรงชี้ว่าสามารถถล่มรัฐเท็กซัสได้ทั้งรัฐ โดยทางการรัสเซียประกาศเตรียมทดสอบซูเปอร์นิวเคลียร์ RS-28 Sarmat ขนาด 208 ตัน 3 ครั้ง ซึ่งหากสำเร็จจะนำมาประจำการในปี 2022
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเผยกับสำนักข่าว TASS ว่า การทำงานเกี่ยวกับ Sarmat ดำเนินไปอย่างแข็งขัน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้วเตรียมทดสอบเป็นทางการ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า ซูเปอร์นิวเคลียร์ RS-28 Sarmat มีอานุภาพในการทำลายล้างพื้นที่เท่ากับรัฐเท็กซัสของสหรัฐทั้งรัฐซึ่งมีพื้นที่ราว 695,662 ตารางกิโลเมตร นับว่ามีอานุภาพร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ขีปนาวุธ R-36M2 Voevoda และมีพิสัยการยิง 9,978 กิโลเมตร
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ของขีปนาวุธนี้ยังสามารถเพิ่มกำลังให้เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อหลบเลี่ยงระบบต่อต้านขีปนาวุธ ทั้งยังสามารถบินเหนือขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้และใช้เส้นทางบินที่ไม่สามารถคาดเดาได้เพื่อหลบระบบต่อต้านขีปนาวุธ
RS-28 Sarmat สามารถบรรจุหัวรบระเบิดไฮโดรเจนขนาดใหญ่ได้ถึง 10 หัว หรือหัวรบขนาดเล็กได้ 16 หัว หรือทั้งสองชนิดรวมกัน
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับสหรัฐรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรัสเซียเริ่มเสริมกำลังทหารที่ชายแดนยูเครน จากที่ก่อนหน้านี้รัสเซียสามารถผนวกเอาคาบสมุทรไครเมียสำเร็จ และยังมีกลุ่มกบฎในยูเครนภาคตะวันออกที่ภักดีต่อรัสเซียด้วย บทบาทของรัสเซียต่อยูเครนเด่นชัดกดดันยิ่งขึ้น ทำให้รัฐบาลยูเครนซึ่งนิยมสหรัฐฯวิตก เกิดการกระทบกระทั่งกันบ่อยที่ชายแดน รัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตรชาติตะวันตกขัดแย้งผลประโยชน์อย่างรุนแรงนับแต่ผนวกไครเมียนั้น ล่าสุดความตึงเครียดนี้กลับมาอีกครั้งในปี 2021นี้
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2564 ปธน.โจ ไบเดนเตือนว่า สหรัฐจะดำเนินการอย่างจริงจัง หากรัสเซียยังไม่หยุดแสดงท่าทีรุกคืบใกล้ชายแดนยูเครน และสหรัฐจะส่งเรือพิฆาต 2 ลำ คือเรือ Roosevelt และ Donald Cook เดินทางสู่ทะเลดำ
ขณะที่ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เซอร์เก ริยาบคอฟได้กล่าวกับสำนักข่าวต่างๆ ของรัสเซียว่า “สหรัฐเป็นศัตรูของเราและทำทุกวิถีทางเพื่อบ่อนทำลายสถานะของรัสเซียในเวทีโลก” “เราไม่เห็นท่าทีอื่นใดในแนวทางของพวกเขา นี่คือข้อสรุปของเรา”
ริยาบคอฟ บอกด้วยว่า “เราขอเตือนสหรัฐว่าจะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะอยู่ห่างไกลจากไครเมียและชายฝั่งทะเลดำของเรา มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเอง”
ริยาบคอฟกล่าวเสริมว่าการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐต่อยูเครนเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับรัสเซีย และชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐและนาโตกำลังจะทำให้ยูเครนกลายเป็น “ผุยผง” ด้วยการเพิ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารต่อเนื่อง
ริยาบคอฟยังเตือนเรือรบสหรัฐในทะเลดำให้รักษาระยะห่างเนื่องจากสิ่งที่เขาพูดมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถบอกได้ พูดแล้วขยับทันที
ในวันต่อมาวันที่ 14 เม.ย.2564 เรือขีปนาวุธของรัสเซีย Graivoron และ Vyshny Volochek ได้เข้าร่วมในการซ้อมกำหนดเป้าหมายในระดับน้ำทะเลและทางอากาศ รวมแล้วมีเรือเข้าร่วมการซ้อมรบ 15 ลำ ทั้งนี้ กองเรือทะเลดำของรัสเซียตั้งอยู่ในไครเมียและมีฐานขีปนาวุธและเรดาร์ที่ทรงพลังติดตั้งไว้บนคาบสมุทรพร้อม
สถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มาร์การิตา ซีมอนยัน หัวหน้าบรรณาธิการของสำนักข่าว RT และ Sputnik ได้กล่าวถึงสงครามระหว่างรัสเซียและสหรัฐว่าเป็นสิ่งที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” และเสริมว่าหากเกิดขึ้นจะไม่ใช่สงครามตามปกติแน่นอน เพราะรัสเซียสามารถเอาชนะยูเครนได้ภายใน 2 วัน
อย่างไรก็ตาม วันที่ 15 เม.ย.2564 สหรัฐได้ยกเลิกปฏิบัติการของเรือรบ 2 ลำที่ประกาศจะส่งไปในทะเลดำก่อนหน้านี้