จุรินทร์ฟิตจัด!! ถกฮ่องกงชูไทยแหล่งอาหารชั้นเลิศ!?! ดันสินค้าเกษตร-พ่วงจับคู่ท่องเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลาย

1414

ส่งออกยังเป็นความหวังสร้างรายได้ของไทย ทั้งในภาพรวมและในด้านสินค้าเกษตร-แปรรูปเกษตร ล่าสุดฮ่องกงกำลังฟื้นตัว ได้เวลาช่วงชิงโอกาสขยายฐานลูกค้าส่งออกและท่องเที่ยว

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยภายหลังการหารือ กับ Mr. Edward Yau รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง  ผ่านระบบออนไลน์ Video Conference ว่า ประเด็นที่หารือมี 3 ประเด็น คือ

1.ทางฮ่องกงได้เชิญไปกล่าวปาฐกถาในงานการประชุมสุดยอด Belt and Road Summit ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด “Driving Growth Through Fostering regional and International Trade”  ระหว่างวันที่ 13 – 14 กันยายน 2564 ณ เมืองฮ่องกง โดยการประชุมดังกล่าวจะมีผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ผู้นำภาคเอกชนจากทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมองหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน

2.รัฐมนตรีพาณิชย์ฮ่องกงแจ้งว่า  สนใจที่จะนำฮ่องกงเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก RCEP ร่วมกับ 15 ประเทศที่มีไทยเป็นหนึ่งในนั้น 

3.ฮ่องกงสนใจที่จะทำ FTA กับประเทศไทย ขณะนี้ FTA ไทยฮ่องกงอยู่ระหว่างการศึกษา กระทรวงพาณิชย์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษา คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้  สำหรับประเด็นที่ฝ่ายไทยนำมาหารือกับฮ่องกงคือไทยยืนยันที่จะเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารไปให้กับชาวฮ่องกง และยินดีที่จะเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนให้กับชาวฮ่องกงต่อไปเพราะถือว่าตลาดฮ่องกงเป็นตลาดที่มีการค้ากับประเทศไทยมายาวนานและเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลน

และสำหรับประเด็นที่รมว.พาณิชย์เสนอหารือกับรัฐมนตรีฮ่องกงคือ 

1.ประเทศไทยยืนยันที่จะเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารไปให้กับชาวฮ่องกง ยินดีที่จะเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนให้กับชาวฮ่องกงต่อไป เพราะถือว่าตลาดฮ่องกงเป็นตลาดที่มีการค้ากับประเทศไทยมายาวนานและเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดี อาหารของประเทศไทยนอกจากมีคุณภาพแล้วยังมีความปลอดภัยสูงโดยเฉพาะกระบวนการผลิตนั้นปลอดโควิด 100%

2.การหารือในประเด็นธุรกิจบริการ โดยเฉพาะธุรกิจอนิเมชั่นและภาพยนตร์ ปัจจุบันไทยมีพัฒนาการทางด้านการผลิตอนิเมชั่นและการตัดต่อภาพยนตร์ที่อยู่ในศักยภาพขั้นสูง และสามารถร่วมมือกับฮ่องกงผลิตอนิเมชั่นและผลิตภาพยนตร์เพื่อจำหน่ายยังต่างประเทศต่อไปได้ 

โดยจะดำเนินการร่วมกันในรูปแบบทำข้อตกลง ความร่วมมือระหว่างกันกรณีพิเศษก็ได้ ซึ่งรัฐมนตรีฮ่องกงสนับสนุนนักลงทุนอนิเมชั่นและภาพยนตร์สามารถร่วมมือกับไทยได้เป็นอย่างดี ในอนาคตถ้ามีโอกาสเดินทางมาในประเทศไทยอยากจะไปดูพัฒนาการของธุรกิจอนิเมชั่นและดิจิตอลคอนเทนท์ของประเทศไทยด้วย

3.ด้านการท่องเที่ยว ไทยพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เพราะฮ่องกงถือเป็นตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งของประเทศไทย และยินดีต้อนรับผู้สูงอายุที่มาจะมาใช้ธุรกิจ Wellness หรือธุรกิจบริการด้านสุขภาพในประเทศไทย

เรื่องนี้ประเทศไทยมีความพร้อมเป็นอย่างสูงหลังหมดสถานการณ์โควิดไปแล้วและมีข้อเสนอเพิ่มเติมว่า ไทยกับฮ่องกงอาจสามารถร่วมมือกันทำการท่องเที่ยวในรูปแบบ Travel Bubble เช่นเดียวกับที่ฮ่องกงกำลังเจรจากับสิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ในขณะนี้

ฮ่องกงถือว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 8 ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้ารวม 413,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่ฮ่องกงนำเข้าจากประเทศไทยที่สำคัญและขยายตัวในอัตราสูงประกอบด้วย เนื้อหมูหรือเนื้อสุกรแช่แข็ง ปีที่แล้วบวกถึง 345%มะม่วงสดบวกถึง 400% สบู่และเครื่องสำอางบวกถึง 216% เป็นต้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เศรษฐกิจฮ่องกงในไตรมาส 1 ปรับตัวขึ้น 7.8% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่หดตัวลงนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 เรื่องนี้สำนักงานสำรวจสำมะโนครัวประชากรและสถิติฮ่องกง รายงานถึง สถิติที่ฟื้นตัวขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจฮ่องกงกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่เผชิญ 2 ภาวะวิกฤตใหญ่ในประเทศ ทั้งเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในปี 2562 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่ไทยจะเข้าไปเปิดช่องทางการค้าและธุรกิจเพิ่มขึ้น