Truthforyou

ออสเตรเลีย-สวีเดน ชวนสามกีบย้ายประเทศขณะติดเชื้อพุ่ง!กษัตริย์ยอมรับแก้โควิดเหลว! “หมอวรงค์” อัดพวกเอาแต่ด่าปท.!

ออสเตรเลีย-สวีเดน ชวนสามกีบย้ายประเทศขณะติดเชื้อพุ่ง!กษัตริย์ยอมรับแก้โควิดเหลว! “หมอวรงค์” อัดพวกเอาแต่ด่าปท.!

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (3 พฤษภาคม 2564) ทางเพจ Embassy of Sweden in Bangkok ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นการย้ายประเทศ โดยโพสต์นำเสนอเหตุผลว่าเหตุใดสวีเดนจึงอาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีสำหรับคนอยากย้ายประเทศ โดยเสนอเหตุผลเป็นข้อๆ ว่า มีสิทธิและการคุ้มครองแรงงานที่เข้มแข็ง มีความเท่าเทียมทางเพศ ให้คุณค่ากับนวัตกรรม และมีระบบสวัสดิการครอบคลุมทุกคน อีกทั้งยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของการมาทำงานที่ประเทศสวีเดน และการได้รับใบอนุญาตทำงานในประเทศสวีเดนผ่านลิงค์ทางการของประเทศสวีเดนอีกด้วย

ต่อมาก็ได้มีคนสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊กชื่อ “ย้ายประเทศกันเถอะ” และภายใน 4 วันก็มีสมาชิกเข้าร่วมกว่า 650,000 คน ภายในกลุ่มมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการไปอยู่ เรียนต่อ รวมถึงทำงานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล สวีเดนมีประชากร 10,151,970 คน โดยประชากรได้เพิ่มเกินเก้าล้านคนครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 จำนวนประชากรที่เกิดในต่างประเทศนั้นสูงขึ้นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในช่วงเริ่มศตวรรษ มีประชากรที่เกิดต่างประเทศราว 36,000 คนจากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ในปี 2547 ประชากรที่เกิดในต่างประเทศมีสูงกว่าหนี่งล้านคน โดยเป็นผลมาจากการย้ายถิ่นฐานภายในกลุ่มนอร์ดิก การอพยพของแรงงานในช่วงต้นและผู้ลี้ภัยในช่วงต่อมา โดยสวีเดนเป็นประเทศที่มีผู้ย้ายเข้าสูงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้อพยพจากนอกกลุ่มนอร์ดิกลดลงหลังจากนโยบายการย้ายเข้าประเทศใหม่ออกมาในปีพ.ศ. 2510

จากประชากรในปี 2548 กลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศฟินแลนด์ รองลงมาคือตุรกี เยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ โปแลนด์ อิรัก อิหร่าน และอดีตยูโกสลาเวีย ข้อมูลของผู้ที่ย้ายเข้าในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกิดในกลุ่มนอร์ดิกยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มากถึงสองหมื่นคน โดยมากกว่าครึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสวีเดนย้ายกลับเข้ามา นอกจากนี้ มากกว่า 16,000 คนมีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชีย ราวครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้มาจากอิรัก อิหร่าน จีน และไทย ประชากรที่รู้หนังสือราวๆ 9.3ล้านคน รายได้ประชาชาติต่อปีต่อคน 28,400 เหรียญสหรัฐ สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่เหนือสุดของโลก มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย สวีเดนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในทวีปยุโรป มีพื้นที่ 450,000 ตารางกิโลเมตร (ความกว้าง 500 กิโลเมตร และความยาว 1,600 กิโลเมตร)

สำหรับสถิติการติดเชื้อโควิด-19 ข้อมูลจากวันที่ 29 เม.ย. 2564 สถิติล่าสุดจากสาธารณสุขสวีเดนคือ ยอดผู้ติดเชื้อฯ สะสม รวมทั้งหมด 967,678 คน (เพิ่มขึ้น 14,424 คน จากสองวันก่อนหน้านั้น หรือเฉลี่ย 7,212 คนต่อวัน) ผู้เสียชีวิตที่ผ่านมา 14,002 คน (เพิ่มขึ้น 34 คน จากสองวันก่อนหน้า หรือเฉลี่ย 17 คนต่อวัน) ผู้ป่วยวิกฤตสะสม 6,896 คน (เพิ่มขึ้น 60 คน จากสองวันก่อนหน้า หรือเฉลี่ย 30 คนต่อวัน)

ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน ทรงระบุว่า ปี 2020 เป็นปีที่ “แย่” และยุทธศาสตร์ของประเทศในการรับมือกับโควิด-19 ถือว่าล้มเหลว ในรายการโทรทัศน์ที่มีเป็นประจำทุกปีของราชวงศ์สวีเดน สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 ทรงตรัสว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราล้มเหลว มีคนจำนวนมากที่เสียชีวิต และนั่นเป็นสิ่งที่แย่มาก”

พระองค์ทรงตรัสอีกว่า คนสวีเดนทุกข์ทรมานอย่างมากในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พระองค์ทรงนึกถึงสมาชิกครอบครัวที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป

“ข้าพเจ้าคิดว่าการไม่ได้กล่าวคำร่ำลากันเป็นเรื่องแสนเศร้าและสะเทือนใจ”

ในขณะที่ ทางด้านเพจของ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ก็ได้โพสต์ให้ข้อมูลศัพท์แสลงสำหรับคนที่ต้องการย้ายมาออสเตรเลีย โดยระบุข้อความว่า

“ก่อนที่จะย้ายมาเป็น #ทีมออสเตรเลีย ก็ต้องมาเรียนรู้สแลงที่คนออสซี่พูดกันดูหน่อยครับ วันนี้เพจขอนำเสนอศัพท์สแลงเกี่ยวกับอาหาร 5 คำที่คนออสซี่เท่านั้นจะเข้าใจ”

สำหรับประเทศออสเตรเลีย มียอดผู้ติดเชื้อรวม 29,841 คน  มียอดผู้เสียชีวิต 910 คน

ล่าสุดทางดาน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า

#ย้ายประเทศหรือThailandFirst
มีคนกลุ่มหนึ่ง สร้างกระแสย้ายประเทศในช่วงเวลานี้ โดยส่วนตัวนั้น ไม่แปลกครับ เพราะการย้ายประเทศ เกิดกับคนทุกชาติทุกภาษา ถ้าเขาคิดว่า มีโอกาสที่ดีกว่า
แต่ถ้าการย้ายประเทศนั้น เกิดจากอคติ พื้นฐานความคิด”ชังชาติ” แสดงว่าเขากำลังคิดผิด เพราะคนที่สร้างกระแส เกลียดชังแผ่นดินเกิด ด่าว่ากะลาแลนด์ ไม่สำนึกในแผ่นดิน คนที่คิดแบบนี้อยู่ที่ไหนก็มีปัญหา
ผมยังยืนยันว่า การที่ประเทศใดๆจะพัฒนา ให้ล้ำหน้าได้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลประเทศนั้นต้องปูพื้นฐาน นั่นคือ สร้างความรู้สึกของความรักชาติรักแผ่นดิน ให้กับประชาชน ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่เอาแต่ด่าประเทศแล้วประเทศจะเจริญ
ใครคิดว่าตนเองร่ำเรียนมา มีการศึกษาดี สติปัญญาเหนือคนอื่น มีโอกาสดีกว่าลูกหลานชาวไร่ชาวนา ไม่สำนึกในภาษีประชาชนที่สร้างมหาวิทยาลัยให้เรียน อยากจะย้ายประเทศ ผมขอ”เชิญ” ตามสบาย แต่อย่ามาด่าประเทศไทย
ประเทศไทยของเรา แค่จัดการนักการเมืองชั่ว อาจารย์เลว ไล่ NGO ที่มาปลุกปั่น เข้มงวดในกฎหมาย ให้โอกาสคนที่รักชาติรักแผ่นดิน ได้มาเปลี่ยนแปลง สร้างสำนึกภูมิใจในชาติ ไม่กี่ปีประเทศจะไปได้ไกลมากกว่านี้แน่นอน
#ThailandFirst
Exit mobile version