KNDOเปิดค่ายฝึกอาวุธให้นักศึกษาพม่าสู้กองทัพ?!?เตรียมก่อรุนแรง ปะทะทหารตำรวจพม่าหนัก เร่งปิดเกมชูรัฐบาลหุ่นแทน

2037

สหรัฐและชาติตะวันตกสร้างประเด็นต่างๆเพื่อกดดัน และสร้างความอับอายและกดดันเหล่ารัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน  เพื่อให้ยอมทำตามวาระซ่อนเร้นของวอชิงตัน โดยโหมกระหน่ำคำว่า “ความรุนแรงต้องยุติลง” ผ่านการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา ในท้ายที่สุดก็ทำได้แต่เพียงเตือนและขอร้อง เพราะความรุนแรงในเมียนมาไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและกองทัพพม่าฝ่ายเดียว ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่พยายามสร้างภาพว่า เป็นกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยแบบสันติ ได้ดำเนินการใช้ความรุนแรงมาโดยตลอด เพียงแต่สื่อหลักตะวันตกจะไม่หยิบยกมารายงาน นับจากนี้ไปกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงมีแนวโน้มทำร้าย โจมตีหรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรงหนักขึ้น  ขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่สหรัฐให้การสนับสนับสนุนทั้งเปิดเผยและทางลับ  ได้เข้าโจมตีกองทหารรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง 

สื่อตะวันตกไม่เคยพูดถึงกลุ่มผู้ประท้วงที่อ้างว่าชุมนุมสันติ แต่กลับมีอาวุธสงครามในครอบครอง คุ้นๆกับสถานการณ์ม็อบสามกีบในไทยอย่างกับโคลนนิ่ง หากจะหยุดความขัดแย้งก็ต้องหยุดความรุนแรงจากทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว

ล่าสุดมีการขยายความเรื่องการฝึกอาวุธจับปืนเข้าป่า ของกลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านรัฐบาลกลาง ว่าเกิดความคับแค้นถึงที่สุด แต่ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์มีเบื้องหลังที่สะท้อนชัดว่า คนที่ให้การสนับสนุนการใช้ความรุนแรงและอาวุธ ทั้งกลุ่มประท้วงและกลุ่มชาติพันธ์ที่ต่อต้านรัฐบาลพม่าคือสหรัฐนั่นเอง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่า น.ส.ม็อง ม็อง ผู้ก่อตั้งกลุ่มยูดีเอฟ (United Defense Force) เผยว่า เธอและเพื่อนนักศึกษา รวมทั้งกลุ่มชายฉกรรจ์แนวร่วมอุดมการณ์ ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร 1 ก.พ. ประมาณ 250 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 20 คน กำลังเข้ารับการฝึกอาวุธและยุทธวิธีการรบ กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ในรัฐกะเหรี่ยง ทางภาคตะวันออก ติดเขตแดนไทย ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อม “ปฏิวัติ” ต่อสู้กับกองทัพเมียนมาด้วยอาวุธ

ด้าน พล.ต.เนอร์ดาห์ โบ เมียะ เสนาธิการองค์การป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นดีโอ (Karen National Defense Organization) ปีกกองทัพของเคเอ็นยู เผยว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่เข้ารับการฝึกอาวุธ มาจากหลายเมืองในพื้นราบ ทางภาคกลางของเมียนมา “เราฝึกการรบให้กับคนที่ต้องการฝึก และต้องการต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา” และ “เราเหมือนลงเรือลำเดียวกัน ช่วยเหลือกัน เพื่อความอยู่รอด และต่างก็มีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาลทหาร เพื่อก่อตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่” พล.ต.เนอร์ดาห์ โบ เมียะ เปิดเผยว่า ได้รับรายงาน กลุ่มนักศึกษาและผู้ประท้วง เข้ารับการฝึกอาวุธ กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตก และรัฐฉาน ทางภาคเหนือด้วย

การเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ประชาธิปไตย” ในพม่าล้วนรับเงินจากรัฐบาลสหรัฐผ่าน NED และกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ใครคือผู้สนับสนุน? พวกเขาเอากลุ่มหลักๆ มาให้คุณดูมี กะฉิ่น ฉาน กะเหรี่ยง และยะไข่ ที่เว็บไซต์ของ NED ในส่วนของคำว่าพม่า(ฺBurmar) ถ้าลองเสิร์ชคำว่า “ฉาน” จะได้ 23 ผลลัพธ์ ซึ่งคือจำนวนโครงการที่สหรัฐสนับสนุนอยู่ในฉาน

ส่วนกะเหรี่ยงมี 6 ผลลัพธ์ และยังมีสื่อชื่อ Karen State News and Information Service ซึ่งสื่อตะวันตกจะอ้างอิงจากสื่อนี้บ่อยมาก และทำเหมือนว่าเป็นสื่ออิสระแต่ไม่ใช่เลยเพราะพวกเขาได้รับเงินจากรัฐบาลสหรัฐ

ด้านกะฉิ่นมี 18 ผลลัพธ์จะพบว่า มีองค์กรหลากหลายแบบที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐในกะฉิ่น

กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ต่างมีอาวุธครบมือ ซึ่ง“ผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตย”กำลังไปหาเพื่อเข้ารับการฝึกใช้อาวุธ พวกเขาเองก็ได้รับเงินทุนจากสหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาเป็นเครือข่ายเดียวกันและเปิดหน้ารบเต็มรูปแบบตามแผนแล้วนั่นเอง

เมื่อวานเปิดฉากวินาสกรรม เกิดเหตุมือมืดโจมตีฐานทัพอากาศเมียนมาด้วยระเบิดในภาคมะก่วย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้วันที่ 29 เม.ย.2564 ว่า เกิดเหตุโจมตีด้วยการวางระเบิดแสวงเครื่อง (Improvised Explosive Device-IED) จำนวน 3 จุด ที่ฐานทัพอากาศของกองทัพเมียนมาในภาคมะก่วย ฝ่ายความมั่นคงเมียนมา (ทหารสนธิกำลังกับตำรวจ) ปฏิบัติการปิดล้อมพื้นที่และตั้งด่านตรวจสกัด เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งต่อมาพบว่า มีรถยนต์ 1 คัน ขับฝ่าด่านและเจ้าหน้าที่ได้ยิงสกัดแต่หนีไปได้ 

กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์ผ่านอินเตอร์เน็ต ยืนยันว่าการโจมตีทั้งสองครั้งดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยระบุว่า ทั้งหมดเป็นการใช้จรวดยิงเข้าใส่ที่ตั้งฐานทัพ 4 ลูกที่ฐานทัพใกล้เมืองมะกเว แต่ 3 ลูกตกใส่พื้นที่การเกษตร และอีกลูกตกใส่ถนน มีอาคารหลังหนึ่งได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

การที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกำลังจะเริ่มใช้อาวุธสงครามมากขึ้น  พวกเขาย่อมทำการเข่นฆ่าตำรวจและทหารจำนวนมาก สื่อตะวันตกจึงต้องเตรียมพร้อมหาข้ออ้างมาใช้  เหตุการณ์แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากที่สหรัฐฯและพันธมิตรเคยทำช่วงปี 2011 ในซีเรียและลิเบีย พวกเขาอ้างว่ากลุ่มต้านชุมนุมโดยสันติ แล้วยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้การสลายการชุมนุมโดยรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นขั้นตอนทั้งหมดนี่เป็นแผนการที่วางไว้แต่แรก สหรัฐวางหมากกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงทางการเมืองเหล่านี้ไว้พร้อมๆ กัน และทั้งสองกลุ่มก็ทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อแบ่งแยก และทำลายประเทศต่างๆ เสีย เรื่องแบบเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นในเมียนมา