บิ๊กตู่มั่นใจทีมไทยแลนด์ร่วมสู้โควิด?!?เอกชนแบ่ง4 ทีมจัดหา-กระจายวัคซีน ขณะกกร.ชงล็อกดาวน์ 15 วันเน้นพื้นที่เสี่ยงสูง

1615

นายกฯถกคณะกรรมการร่วมเอกชนเร่งแก้วิกฤตปัญหาโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ด้านภาคเอกชนเปิดแผนจัดหาวัคซีนทางเลือกและ การกระจายวัคซีนให้รวดเร็วพร้อมทั้งเสนอล็อกดาวน์ 15 วันเน้นจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง นายกฯชมเอกชนร่วมกับรัฐบาลถือเป็นทีมไทยแลนด์ ช่วยกันหารือแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ผลหารือในวันนี้จะนำเข้าสู่การออกมาตรการ อย่างเป็นระบบในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ 29 เม.ย. 2564 เพื่อประกอบการพิจารณามาตรการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

 

 

วันนี้(28 เม.ย.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้หารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่นำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะ เพื่อนำเสนอแนวทางการทำงานของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ 

สำหรับรัฐมนตรี (ครม.) ที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ รมว.พลังงาน นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาธร ประธานคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด- 19 นพ.โสภณ เมฆธน รองประธานคณะทำงานพิจารณาวัคซีน ฯ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า วันนี้วาระสำคัญที่จะพิจารณา คือ มาตรการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในฐานะทีมประเทศไทย  เพื่อรับฟังข้อเสนอ และแผนงานจากภาคเอกชน แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปจากที่ประมาณการไว้ แต่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมบริหารสถานการณ์ไปด้วยกัน

การประชุมจะมุ่งหารือ 4 ประเด็นร่วมกันคือ การบริหารจัดการ การคัดกรอง-ดูแลรักษาพยาบาล  การฉีดวัคซีน และสถานะการจัดหาวัคซีน เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อภาครัฐและเอกชน เห็นตรงกันก็เร่งขับเคลื่อนทันที แต่เมื่อซับซ้อนกัน ก็แบ่งงานกัน ซึ่งไม่มีช่องว่างการทำงานแต่อย่างใด เพราะขณะนี้สถานการณ์การแก้ปัญหาโควิด-19 ถือว่านายกรัฐมนตรีได้ให้อำนาจ ศบค.อย่างเต็มที่แล้ว เหมือนคราวที่แก้ไขปัญหาโควิด-19 ครั้งแรก พร้อมทั้งกล่าวว่า การที่นายกฯรวบการแก้ปัญหาโควิดไว้ที่ ศบค.โดยไม่มีนักการเมืองเพื่อเร่งแก้ปัญหาให้จบเร็ว ซึ่งทางภาคเอกชนก็ต้องการเช่นนั้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานและสรุปสถานการณ์วัคซีนในประเทศให้เอกชนรับทราบถึงความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ก่อนจะเริ่มการประชุมใน 2 วาระ คือ 1.สรุปเรื่องการกระจายวัคซีน และ 2.การจัดหาวัคซีนทางเลือก เพราะเป้าหมายหลักในตอนนี้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลคือ การขับเคลื่อนเรื่องวัคซีน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รอบ 3 ว่าค่อนข้างรุนแรงกว่าการระบาดที่ผ่านมา จำเป็นจะต้องมีการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีก เน้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง บางธุรกิจ บางอาชีพ อย่างน้อย 15 วัน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย รายงานข้อสรุปในฝั่งเอกชนเรื่องการจัดหาวัคซีนและการกระจายวัคซีนให้ถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งงานเป็น 4 ทีมได้แก่

ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน (TEAM Distribution and Logisticsจัด)ทำหน่วย “ฉีดวัคซีนเคลื่อนที่”แบบหน่วยงานไปหาคน คนไม่ต้องมาที่หน่วยให้ยุ่งยาก  โดยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องอ่านบัตรประชาชนให้ กทม.

เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ตอนนี้ลงพื้นที่สำรวจกับ กทม.แล้วระยะแรก 10 พื้นที่ใน กทม.ที่เอกชนจะนำร่อง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล, SCG, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เอเชียทีค, โลตัส, บิ๊กซี, ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น

-ทีมการสื่อสาร (TEAM Communication) ปัญหาคือยังมีคนไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน บางคนไม่อยากฉีด ทีมสื่อสารจะทำความเข้าใจในส่วนนี้ทางภาครัฐ ทำ “หมอพร้อม” ซึ่งจะช่วยให้ระบุสถานที่ที่จะลงทะเบียนฉีด การจัดคิว-จัดลำดับการฉีด ไม่เกิดการกระจุกตัว  ภาคเอกชนจัดคนเก่งด้านสื่อสารกระจายข้อมูลทางGoogle, LINE, Facebook, VGI และ Unilever เป็นต้น 

-ทีมเทคโนโลยีและระบบ (TEAM IT Operation) การลงทะเบียนที่มีประสิทธิภาพ ขั้นตอนฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบติดตามตัว พร้อมออกใบรับรองการฉีดวัคซีน IBM นำทีมโดยอีกหลายบริษัทเป็นเจ้าภาพเข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ

-ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม (TEAM Extra Vaccine procurement) ภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนร่วมกัน ในหลักการ ต้องหาเพิ่มอีก 30 ล้านโดส ให้ครบ 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ

นายสนั่นกล่าวว่า “นอกจากแผนการกระจายวัคซีนที่ภาคเอกชนจะไปสนับสนุนภาครัฐนั้น เรายังได้มีการหารือถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะถัดไปอีกด้วย ทั้งเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ”