ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน มีแต่เพิ่มดีกรีระอุเดือดมากขึ้น เมื่อสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก จับมือกันโหมกระแส “จีนทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียง” อย่างต่อเนื่อง ฝ่ายจีนไม่ยอมทนนิ่งเฉยต่อไป ได้เปิดการตอบโต้สหรัฐและฝั่งตะวันตกอย่างแสบสันด้วยข้อเท็จจริงในพื้นที่ซินเจียง แม้สหรัฐและตะวันตกจะไม่ยอมรับฟัง และเป็นครั้งแรกที่เปิดแนวรบด้านข้อมูลข่าวสาร นอกจากเสนอรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสหรัฐปี 2020 กับสหประชาชาติ ได้เผยแพร่สารคดี ประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวพื้นเมืองอินเดียนแดงในสหรัฐ และการแทรกแซงรุกรานแผ่นดินตะวันออกกลางนับทศวรรษ
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้เผยแพร่ “รายงานประเทศปี 2020 เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน” โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลจีน “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในซินเจียง และวิพากษ์วิจารณ์นโยบายซินเจียงของจีนอย่างหยาบคาย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนโต้กลับด้วยข้อเท็จจริงอีกด้านที่สหรัฐทำเป็นลืม และตอกย้ำเกี่ยวกับจุดยืนของจีน
และในวันที่ 31 มี.ค.2564 เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่แถลงการตอบโต้คำกล่าวหาของสหรัฐต่อประเทศจีนทันที
มาดามหว่า ชุนหยิง (Hua Chunying)โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงถึงการกล่าวหาจีนว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ถือเป็นการโกหกครั้งใหญ่ที่สุดในบรรดา การใช้ความรุนแรงทางการทูตเหนือกฎหมายระหว่างประเทศของสหรัฐและพันธมิตร
คำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งเชื่อกันโดยทั่วไปว่าเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในฉากหลังของสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อเล่าถึง “การทำลายชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์” ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2491 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้รับรองอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งกำหนดให้อาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เป็นการกระทำที่ “กระทำโดยมีเจตนาที่จะทำลายกลุ่มชาติชาติพันธุ์เชื้อชาติหรือศาสนาทั้งหมดหรือบางส่วน”
ในแง่ของการกระทำจะต้องได้รับการพิสูจน์ว่ามีการกระทำที่เฉพาะเจาะจงภายใต้อนุสัญญานี้ นี่เป็นข้อกำหนดพื้นฐานที่สุดสำหรับการค้นหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ องค์ประกอบหลักต้องได้รับการพิสูจน์ในระดับ “ความแน่นอนสูง” และศาลจะต้อง “เชื่อมั่นอย่างเต็มที่” ในข้อกล่าวหา
ในแง่ของเจตนาจะต้องพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาเฉพาะที่จะทำลาย “ทั้งหมดหรือบางส่วน” กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นี่เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการสืบค้นข้อหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เจตนาที่เฉพาะเจาะจงจะต้องแสดงให้เห็นและพิสูจน์ได้โดยเฉพาะและชัดเจน ไม่มีรัฐองค์กรหรือบุคคลใดมีคุณสมบัติและมีสิทธิ์ที่จะตัดสินได้ตามอำเภอใจว่าประเทศอื่นได้กระทำ”การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” โดยไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
สหรัฐฯและพันธมิตรต่อต้านจีนต่างกล่าวหาจีนโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการโกหกและการบิดเบือนข้อมูลอย่างผิด ๆ ว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียง นี่เป็นการโกหกที่ผิดพลาดมากที่สุดในรอบศตวรรษ การดูถูกเหยียดหยามและดูถูกคนจีนและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
จีนเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ที่เป็นหนึ่งเดียวซึ่งสิทธิและผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยทั้งหมด ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามรัฐธรรมนูญและการจัดการปกครองตนเองทางชาติพันธุ์ในภูมิภาค กลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ด้วยความเสมอภาค สมัครสมานสามัคคีและความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราสามารถพูดได้โดยไม่ต้องพูดเกินจริงว่านโยบายของจีนเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยนั้นดีกว่าและเท่าเทียมกว่าของสหรัฐฯมาก
ชนกลุ่มน้อยในจีนมีความสุขความเสมอภาคและศักดิ์ศรีมากกว่าชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ มันเป็นเรื่องเหลวไหลเกินกว่าที่สหรัฐฯจะเลิกโกหกและสานเรื่องราวของ “การกดขี่บังคับใช้แรงงาน” และ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อย่างไร้เหตุผล!
ประเทศจีน เกี่ยวกับนโยบายการวางแผนครอบครัวได้ถูกนำไปใช้กับชนกลุ่มน้อยอย่างผ่อนปรนมากกว่าชาวฮั่นซึ่งส่งผลให้ประชากรชนกลุ่มน้อยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศ ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาประชากรของอุยกูร์ในซินเจียงเพิ่มขึ้นจาก 5.55 ล้านคนเป็น 12.8 ล้านคน อายุขัยของพวกเขาเพิ่มขึ้นจาก 30 ปีเมื่อ 6 ทศวรรษที่แล้วเป็น 72 ปีมีใครเห็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” แบบนี้บ้างไหม?
เพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยหลุดพ้นจากความยากจนด้วยการจ้างงานรัฐบาลซินเจียงในทุกระดับได้ให้ความช่วยเหลือพวกเขาในการหางานนอกภูมิภาคบนพื้นฐานของการเคารพเจตจำนงของพวกเขาอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยรายได้ที่สูงขึ้น มีใครเห็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” แบบนี้บ้าง?
ในซินเจียงฝ้ายส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักรแล้ว ในช่วงฤดูเก็บฝ้าย แรงงานในชนบทอพยพจากเหอหนานและเสฉวนจะเดินทางไปทำงานที่ซินเจียง สิ่งนี้ไม่ต่างจากชาวอเมริกันที่หางานข้ามรัฐหรือชาวยุโรปที่ทำงานในไร่องุ่นในฤดูใบไม้ร่วง
ข้อกล่าวหาที่เลวร้ายน่าขยะแขยงและป่าเถื่อนที่สหรัฐฯเหวี่ยงใส่ซินเจียงเป็นภาพสะท้อนของอาชญากรรมและบาปของตนเองที่กระทำในอดีต
เมื่อพูดถึงสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อดีตมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนพื้นเมืองผ่านการขยายตัวทางตะวันตกและบาปของการค้าขายที่ทำให้คนผิวดำตกเป็นทาส
จากนั้นสหรัฐฯได้เปิดปฏิบัติการทางทหารต่อประเทศมุสลิมภายใต้ข้ออ้างเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายหลังการโจมตี 9/11 โดยจัดฉากเป็นหลักฐานในการทำสงครามกับรัฐอธิปไตยทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและทำลายครอบครัวชาวมุสลิมจำนวนนับไม่ถ้วน
และคุณทุกคนคงจำค่ายกักกันอ่าวกวนตานาโม ซึ่งเป็นที่น่าอับอายสำหรับการปฏิบัติต่อนักโทษอย่างไม่เหมาะสมของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้วอชิงตันโพสต์มีบทความเรื่อง “ชาวอเมริกันพื้นเมืองในอดีตได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษอย่างไรแล้วจึงถูกผลักไสออกจากแผ่นดินของตน” บทความนี้ให้เรื่องราวเกี่ยวกับการโกหกที่รัฐบาลสหรัฐบอกกับชาวอินเดียนพื้นเมืองมานานและการกระทำที่ผิดบาปที่ดำเนินการกับพวกเขาเช่นการแจกจ่ายผ้าห่มที่ติดเชื้อไข้ทรพิษโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฆ่าชาวอเมริกันอินเดียนและการทำหมันชาวอินเดียนพื้นเมืองหลายพันคนโดยผู้หญิงไม่รู้ตัว
สองสามวันที่ผ่านมามีการรายงานข่าวอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างไร้มนุษยธรรมรวมถึงเด็กจำนวนมากที่ศูนย์กักกันชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก
มาดามหวาฯกล่าวสรุปว่า
“การกระทำอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ทำให้สหรัฐฯไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์จีนในประเด็นสิทธิมนุษยชน บนข้อมูลที่บิดเบือนและกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว”