เลือดเย็นสนตะพายเด็กเป็นอสูรกายร้าย?!? เทพมนตรี จม.ฝากถึง “เพนกวิน” ความลับวันที่ ลุงส.ศิวรักษ์เข้าเฝ้าฯ กราบทูลถึงคนรุ่นใหม่ที่หนุนคือ เนติวิทย์
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (22 เมษายน 2564) นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ซึ่งอยู่ระหว่างการคุมขังด้วยข้อหาอาญามาตรา 112 และ 116 โดยไม่ได้รับการประกันตัว ได้ฝากจดหมายถึงน้องสาว ฝากบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อที่ยอมแลกและบอกว่า ไม่อยากให้น้องอยู่ในประเทศที่ไม่มีอนาคต
ต่อมาทางด้าน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความถึงเพนกวิน ถึงกรณีที่เพนกวินได้เขียนจดหมายถึงน้องสาว โดยระบุข้อความว่า
จดหมายถึงเพนกวิน
23 เมษายน 2564
ถึงเพนกวิน
ลุงขอแนะนำตัวซะหน่อย ลุงเป็นบุคคลธรรมดาสามัญ ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์มาบ้าง ลุงได้มองเห็นการกระทำของเพนกวินมาตลอด จนถึงจดหมายที่เพนกวินเขียนถึง “น้องพ้อย” ลุงอยากเตือนเพนกวินว่า “อย่ามองตัวเองคือศูนย์กลางจักรวาล” พวกเขาทำให้เพนกวินมีความรู้สึกว่า เพนกวินเป็นคนสำคัญ (somebody) พวกเขาทำให้เพนกวินมีความเหิมเกริม เป็นผู้นำ ดูเป็นคนกล้าหาญไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด มีความเป็น Hero แต่แท้ที่จริงแล้วเพนกวินเป็นผู้มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ มีความเป็นศิลปิน เมื่อถูกป้อยอก็จะบ้ายอทำทุกอย่าง พวกเขาทำให้เพนกวินเชื่อว่า เพนกวินคือผู้รู้ประวัติศาสตร์ที่เก่งกล้าสามารถ แม้เพนกวินจะได้รับรางวัล แต่นั่นคือการท่องจำจนตอบคำถามได้ถูก จำมากก็ตอบได้มาก ไม่ใช่ความชำนาญในทางประวัติศาสตร์ พวกเขาทำให้เพนกวินมีความเป็นปรปักษ์ และสร้างปมอัตโนมัติ ต่อความเชื่อเรื่องสถาบันไปในทางที่ผิด สร้างความโกธรแค้นต่อพระเจ้าอยู่หัวโดยที่เพนกวินไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือรับรู้เรื่องจริง แต่เมื่อได้เห็น เมื่อได้ยิน พระเจ้าอยู่หัวประกอบพระราชกรณียกิจใดๆ เพนกวินจะต่อต้านขึ้นมาทันที
พวกเขาทำให้เพนกวินเชื่อว่าแนวทางในการอดอาหารในความหมายปลอมๆคือมิได้อดจริงเป็นวิธีการสันติ อหิงสา เป็นแนวทางที่ท่านมหาตะมา คานธี ได้ปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวพวกเขาก็ทำให้เพนกวินเข้าใจผิดอย่างไม่น่าเชื่อ ท่านคานธี มิได้มีความอาฆาตมาดร้ายเจ้าอาณานิคม หรือทำผิดด้วยการหมิ่นประมาทผู้แทนองค์จักรพรรดินีของอังกฤษ ซึ่งแน่นอนย่อมแตกต่างจากที่เพนกวินปฏิบัติ เพนกวินขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวด้วยความเท็จจึงเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายหลายมาตราต่างกรรมต่างวาระ การที่เพนกวินอ้างว่าได้อดอาหารแต่กินสารอาหาร น้ำ นม ไม่ได้เรียกว่าการอดอาหาร เพราะผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่งเขาก็กินอาหารแบบเพนกวินก็ยังอยู่ได้เป็นปีๆ ประเด็นเรื่องอดอาหารประท้วงจึงไม่ได้เข้าเงื่อนไขที่ศาลจะมีเมตตาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว หากแต่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้นกับผู้ต้องขังทั่วไป ถ้าเพนกวินได้รับการปล่อยตัวด้วยเหตุที่ว่านี้แล้วก็จะเป็นตัวอย่างอันเลวร้ายต่อระบบความยุติธรรม การอดอาหารของเพนกวินจึงมีความแตกต่างจากท่านคานธี ราวสวรรค์กับนรก
พวกเขาที่ชักใยเพนกวินจนทำให้รู้สึกว่าเราคือตัวเรา นี่คือความคิดของเราเองโดยมิได้มีใครมาจูงจมูกสนตะพาย ความรู้สึกเช่นนี้ จึงทำให้เพนกวินขาดวิจารณญาณตัดสินดีชั่ว พวกเขาเลือดเย็นที่สร้างให้เพนกวินเป็นอสูรกายร้าย
พวกเขาได้ใช้เพนกวินเป็นเครื่องมือชั้นเลิศในการยุยงปลุกปั่นและทำให้เพนกวินกลายเป็นสัญลักษณ์คู่ขัดแย้งต่อสถาบันได้ อันที่จริงเพนกวินเป็นเพียงแค่ธุลีดินทั้งในสายตาของพวกเขาและในสายตาคนทั่วไป เมื่อเพนกวินยังมีประโยชน์พวกเขาก็ปรนเปรอยกย่องให้เพนกวินเป็นแกนนำคนรุ่นใหม่ ให้รู้สึกว่าเพนกวินมีความเป็นผู้นำสูงสุด สำคัญกว่ารุ้ง ไมค์และคนอื่นๆในขบวนการ พวกเขาเขียนชื่นชมยกย่องอย่างหลอกๆในสื่อสังคมออนไลน์ ยอดไลน์มากมายจึงถาโถมมาสู่เพจของเพนกวิน ไม่ว่าจะเป็น ส.ศิวรักษ์ ประจักษ์ ก้องกีรติ ปิยะบุตร และอาจารย์อันเป็นที่รักของลุง รวมไปถึงแม่ของเพนกวินเอง ในบรรดารายชื่อที่ลุงได้นำมาแสดงข้างต้นมีบุคคลคนหนึ่งคือ ส.ศิวรักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่า ลุงส.เขายกย่องเพนกวินมากจนออกนอกหน้า และทำให้คนอื่นเข้าใจว่า เพนกวินกับลุงส. มีความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ ลุงเคยเห็นเพนกวินสัมภาษณ์ลุงส. คนอื่นเขาอาจมองว่าลุงส. รักและเอ็นดูเพนกวินจนออกนอกหน้า แต่ลุงมิได้เชื่อเช่นนั้น
ลุงมีความลับอีกอย่างหนึ่งที่จะบอก เมื่อลุงพาลุงส.ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่พระที่นั่งอัมพรสถาน วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2560 ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับลุงส.หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ทรงตรัสถามลุงส.ถึงคนรุ่นใหม่ว่าควรสนับสนุนใคร ลุงส.ทูลเกล้าฯถวายความเห็นว่า “เนติวิทย์” เป็นคนรุ่นใหม่ที่ควรได้รับการสนับสนุน เพนกวินเห็นไหมว่า เอาเข้าจริงต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัวลุงส.มิได้สนับสนุนเพนกวินให้เป็นเด็กรุ่นใหม่อันดับ 1 ลุงส.เขาสนับสนุนเนติวิทย์
ลุงเห็นว่าแต่เดิมเนติวิทย์และเพนกวินเคียงคู่กันมา แต่ทำไมเนติวิทย์ไม่ออกมาช่วยเพนกวินก็เพราะว่าเขาอาจถูกวางตัวสวมบทบาทใหม่ และอาจเป็นมหันตภัยร้ายตัวใหม่ ในอนาคตลุงเองอาจต้องผจญภัยกับเนติวิทย์อีกรอบ
ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ข้าราชบริพาธฝ่ายในได้ยิน แต่ลุงเห็นว่าเพนกวินควรรับรู้ไว้แค่นี้ก็พอ ลุงอยากจะเตือนเพนกวินด้วยความหวังดี สังคมไทยมีความประนีประนอม และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ก็ทรงมีพระเมตตามากๆ ลุงอยากให้เพนกวินได้คิดทบทวนเสียใหม่ กลับตัวกลับใจคิดใหม่ให้หมดทุกอย่าง ลองตั้งจิตอธิษฐานทำสมาธิไตร่ตรองพิจารณาสิ่งที่ได้กระทำมาว่ามันดีชั่วเพียงใด
ลุงเห็นว่าเพนกวินควรออกมายอมรับความจริง กล้าหาญทางจริยธรรมและเลิกนับถือ ”พวกเขา”คนเหล่านั้น ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนได้เมื่อเราตั้งใจ หากแต่เราต้องนับถือความจริงยอมรับการกระทำของเราว่าผิด ลองคิดดูนะ
ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ
ลุงเทพ