เหมาะสมจริงหรอ? “สรยุทธ” นั่งผู้ประกาศข่าว ชักนำสังคม ทั้งที่โดนคดีทุจริต ผิดหลักจริยธรรม กสทช.ต้องลงดาบ!!

3901

หลังจากในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปโปรโมทรายการข่าวช่องดัง ที่ในเดือนพ.ค. 64 อดีตนักเล่าข่าว อย่างนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา จะกลับมาทำหน้าที่ผ่านหน้าจอช่อง 3 ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้อีกครั้ง

และในเฟซบุ๊กของ นายสรยุทธ ได้โพสต์คลิปวิดีโอนำเสนอเกี่ยวกับการกลับมารับหน้าที่เป็นพิธีกรข่าว ในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” พร้อมกับสโลแกนว่า “ข่าวเข้มข้น กับคนคุ้นเคย” โดยจะเริ่มต้นในเดือนพ.ค.

ล่าสุดมีรายงานจากสำนักงาน กสทช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ รษก.เลขาธิการ กสทช. โดยกล่าวว่า ตามที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง เพื่อเตรียมหวนกลับคืนสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง โดยจะกลับมารับหน้าที่พิธีกรข่าว ในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ตนเองเคยทำหน้าที่พิธีกรรายการดังกล่าวมาหลายสิบปี ก่อนที่จะถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีค่าโฆษณาเกินเวลา และต่อมาได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวจากเรือนจำอยู่ในขณะนี้นั้น

การที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ถูกต้องโทษและจำคุกในคดีอาญาอันเกี่ยวกับการสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน อันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยชัดแจ้ง ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่บุคคลดังกล่าว จะกลับมาทำหน้าที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง เพราะบุคคลที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือนักเล่าข่าว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยมีประวัติที่ไม่ด่างพร้อย

ที่สำคัญรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 ประกอบมาตรา 35 ระบุในข้อยกเว้นเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไว้ว่า ต้องไม่ก่อให้เกิดการขัดต่อศีลธรรมอันดีและขัดต่อจริยธรรมวิชาขีพแห่งตนด้วย

อีกทั้งข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2553 ซึ่งสิดคล้องกับธรรมนูญสภาการสื่อสารมวลชนแห่งชาติ 2553 ได้กำหนดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าวไว้ชัดเจนในข้อ 10 ความว่า “ต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว”

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความไปร้องเรียนต่อ กสทช. ให้ดำเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การกลับมาเป็นพิธีกรเล่าข่าวหน้าจอโทรทัศน์ของผู้ที่เคยต้องโทษในคดีอาญา ยังจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร และสังคมไทยโดยกสทช.จะสร้างบรรทัดฐานของเรื่องทำนองนี้ไว้อย่างไรด้วยทั้งนี้การกลับคืนจอของสรยุทธ หากเปรียบเทียบกับนักการเมืองที่ทำผิดจริยธรรม จะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทันที เช่น พ้นตำแหน่งส.ส. รัฐมนตรี หรือต้องยุติการทำหน้าที่ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

 

 

สำหรับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านข่าว ที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา และเจ้าตัวได้เปิดใจ ในเรื่องจัดรายการข่าว ว่า หากจัดรายการภายใต้กรอกจรรยาบรรณ รายงานข่าวได้ปกติ อ่านข่าวทางการเมืองได้ ก็จะไปทำรายการเฉพาะทางการเมืองรายการใด รายการหนึ่ง หรือของพรรคการเมือง พรรคใดพรรคหนึ่งคงไม่ได้

ส่วนคดีที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ติดคุกที่ผ่านมา ทำให้ต้องย้อนไปดูเส้นทางของคดีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด จากวันแรกของคดีจนถึงวันที่ได้รับการปล่อยตัว มีดังนี้

โดย”สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทุจริตยักยอกเงินค่าโฆษณารายการช่อง 9 ร่วมกับ พนักงานจัดคิวโฆษณา ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์สั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน ชี้ชะตาชั้นฎีกา เมื่อ วันที่ 21 ม.ค. 2563 โดยศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรเล่าข่าวและผู้จัดรายการชื่อดัง ร่วมกับพนักงานบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลารายการคุยคุ้ยข่าว ทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ตั้งแต่ปี 2548-2549 จำนวน 138.79 ล้านบาท จำคุก 6 ปี 24 เดือน

จนมาถึงล่าสุดวันที่ 14 มี.ค. 64  นายสรยุทธ ได้รับอิสรภาพจากเรือนจำ หลังจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน เนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้พักโทษตามเงื่อนไข แต่ต้องติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (อีเอ็ม) ตามกระบวนการคุมประพฤติ จนกว่าจะครบกำหนดโทษ เป็นระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน

คือวันที่ 26 ก.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันที่พ้นโทษ และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามที่กำหนดด้วย หากทำผิดในระหว่างนี้ จะส่งถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำและถูกคุมขังจนกว่าจะพ้นโทษ ที่ผ่านมานายสรยุทธได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษมาแล้ว 2 ครั้งเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือนจากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน จึงอยู่ในข่ายพิจารณาพักโทษ