เปิดใจ”ลูกเกด ชลธิชา”รับทำงานให้สถานทูต-UN ขณะแชทหลุดรับใบสั่ง?? ทำปชช.รู้ความจริง ย้อนรอยม็อบก่อความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่แชทการสนทนาโดยมีการกล่าวว่า เป็นแชทของ ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว ที่มีการพูดคุยกับชาวต่างชาติที่ใช้ชื่อในไลน์ว่า “Agent H.” เหมือนเป็นการรายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหวในประเทศไทยของม็อบสามนิ้ว ซึ่ต่อมาได้มีการเปิดเผยแชทอีกชุดหนึ่ง โดยบอกว่า เป็นการพูดถึงกันระหว่างลูกเกด กับ Agent H. เป็นแชทที่มีการเร่งเร้าให้สถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทยเกิดความรุนแรงขึ้น โดยมีการส่งข่าวสารของการชุมนุมในเมียนมา กรณีที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม โดยบอกว่า ต้องทำให้มีประชาชนเสียชีวิตแบบเมียนมา เพื่อที่จะกดดันให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คุมสถานการณ์ไม่ได้ พร้อมกับทิ้วท้ายว่า หากภารกิจสำเร็จจะยอมจ่ายไม่อั้นด้วย?
ภายหลังก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ชาวต่างชาติคือ นาย Henry Rector อุปทูตฯสหรัฐฯ? ที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เคยเชิญไปสังเกตการณ์ คดี ม.116 ที่สน.ปทุมวัน
ล่าสุดทางด้าน นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำพรรคไทยภักดี ได้โพสต์คลิป เปิดใจ ลูกเกด ชลธิชา โดยระบุข้อความว่า #ขายชาติ หลังจากมีแชตหลุดออกมา ที่ลูกเกดสนทนากับชาวต่างชาติ เรื่องสถานการณ์ในประเทศ ผมได้มีโอกาสชมคลิปที่เป็นความคิดของเธอ และเอามาบางส่วนให้อ่านความคิดเขา ลูกเกดมีสามีเป็นชาวต่างชาติ ไม่ปฏิเสธที่ทำงานกับสถารทูต(น่าจะหมายถึงอเมริกา) และ UN เธอมองว่าการที่เธอทำงานเป็นngo การที่จะupdate สถานการณ์เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้กับสถานทูต หรือ UN เป็นเรื่องปกติมาก
(ชมคลิป)
การใช้เสรีภาพในการแสดงออก การละเมิดสิทธิเรื่องการแสดงออกเรื่องสถาบันกษัตริย์ หรือการต่อต้านรัฐบาลเป็นเรื่องปกติมาก(หมายถึงการรายงานต่างชาติ) เธอบอกว่าเธอไม่ได้รับเงินจากสถานทูต UN และไม่มีการลี้ภัย และมั่นใจว่าจะชนะ นี่คือความคิดพื้นฐานของเธอ มันทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงอนาคตประเทศมาก ที่คนเหล่านี้ ไม่มีความรักผูกพันต่อแผ่นดินเกิด แต่พร้อมที่จะดึงต่างชาติเข้ามาวุ่นวายในประเทศเรา โดยไม่มีสำนึก เธอทำราวกับว่า ไทยเราเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติที่ต้องรายงาน เรื่องแบบนี้การจะเรียกว่า #ชักศึกเข้าบ้าน นั้นน้อยเกินไป แต่ควรจะเรียกว่า “ขายชาติ”
ซึ่งแชทที่หลุดออกมาล่าสุดนั้น ชาวต่างชาติคนดังกล่าว ได้มีการส่งข่าวให้ลูกเกด เป็นข่าวผู้ชุมนุมเมียนมาถูกยิงตาย โดยในบทสนทนาบอกว่า
ฝรั่ง : “ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไทย รัฐบาลประยุทธอยู่ไม่ได้แน่นอน”
ฝรั่ง : “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” (หมายถึงอะไร มีการจะใช้เงินเป็นเครื่องมือทำสิ่งดังกล่าวหรือไม่?)
ชลธิชา : “ขอเวลาปรึกษาเรื่องนี้ก่อน” (ชี้ให้เห็นว่า ชลธิชา รับว่าจะสร้างสถานการณ์ให้มีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุม เพื่อรัฐบาลอยู่ไม่ได้ตามที่ฝรั่งเสนอ)
ซึ่งในบทสนทนาดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้มีข้อพิสูจน์ว่า มีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงหลังๆนี้ สถานการณ์การชุมนุม ก็มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น เหตุการณ์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ของกลุ่มประชาชนปลดแอก ที่มีนายฟอร์ด ทัตเทพ เป็นแกนนำ โดยมีการนัดหมายกันมาชุมนุมหน้ากรมทหารราบที่ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักหลวง ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ก็เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกับผู้ชุมนุม โดยปรากฎภาพกลุ่มผู้ชุมนุมขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสลายการชุมนุม ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ในวันที่ 20 มีนาคม มีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มรีเดม (REDEM) บริเวณสนามหลวง โดยนัดให้ผู้ชุมนุมร่วมพับเครื่องบินกระดาษ ทำเป็นจดหมายพาดพิงสถาบัน ส่งข้ามรั้ววัง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาวางเป็นแนวกั้น ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามดึงตู้คอนเทนเนอร์ชั้นล่างออกมา และมีการขว้างปาสิ่งของ และระเบิดปิงปองใส่เจ้าหน้าที่ มีการใช้แผงเหล็กรั้วกั้น ตีเจ้าหน้าที่ตรวจ ซึ่งหลายคนมองว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการพกระเบิดเข้าไปในม็อบ เพื่อก่อความรุนแรง