ยุเก่ง? “ไอ้ตี๋” ไล่บี้รัฐ ให้แจกเงินเยียวยาต่อ ส่วนโครงการ “เมย์เดย์” ยังพบพิรุธไม่เลิก เจอหลักฐานไม่สามารถแจกคนได้จริง!!

2157

สืบเนื่องจากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้จัดห้อง Club House พูดคุยในประเด็นสถานการณ์โควิดระลอกที่สาม มาตรการจากภาครัฐล่าสุดทั้งด้านการควบคุมโรค และแนวทางด้านการจัดหาและการฉีดวัคซีนในอนาคต โดยชำแหละแผนออกมา 4 ขั้นตอน มีดังนี้

1. นายธนาธรบอกว่า ต้องเปลี่ยนการจัดหาวัคซีน วันนี้ นับเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลเปลี่ยนวิธีการจัดหาวัคซีน ไม่กระจุกตัวอยู่แค่เพียงไม่กี่เจ้าอย่างที่เป็นมา การเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนเจ้าอื่นๆ นั้น เป็นเรื่องที่เห็นด้วย แต่โอกาสเป็นไปได้เร็วที่สุดนั้นคือการเข้ามาของวัคซีนต่าง ๆ ในช่วงไตรมาส 4 ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ทีมเจรจา ถ้าทำได้เร็วกว่านี้จะเป็นประโยชน์กับคนไทย เพราะตอนนี้ถือว่าเป็นไปโดยช้ามาก


2. เปลี่ยนการกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีนวันนี้ แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลอย่างมาก เพราะฉีดได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แผนการเตรียมความพร้อมไม่มี ดังนั้น รัฐบาลต้องกลับมาตั้งสมติฐานใหม่ ถ้าบริหารจัดการดีๆ บุคลากรต่าง ๆ ต้องทำได้ดีกว่านี้ ความพร้อม การประชาสัมพันธ์เรื่องการฉัดวัคซีน กระจายการฉีดวัคซีนต้องทำได้ดีกว่านี้ เชื่อว่า 10 ล้านเข็มต่อเดือนสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้ไม่มีใครชี้แจงว่าทำอย่างไร ดังนั้น อยากเรียกร้อง ให้รัฐบาลระบุถึงเป้าหมายให้ชัด การฉีดวัคซีนต่อวัน ต่อเดือน เป็นอย่างไร เพื่อที่จะให้ภาคประชาสังคมอื่น ๆ ที่ติดตามอยู่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้

3. เปลี่ยนมาตรการเยียวยา ในภาวะวิกฤตอย่างนี้ มาตรการทางสังคมกับมาตรการทางเศรษฐกิจต้องไปด้วยกัน ในการระบาดรอบแรก ทั้งสองมาตรการเป็นไปอย่างไม่ได้สัดส่วน ไม่สอดคล้อง เพราะมาตรการสังคมเข้มงวดแต่มาตรการเศรษฐกิจกลับไม่รองรับ มีแรงงานนอกระบบถูกทอดทิ้งเป็นจำนวนมาก กระทั่งสถานการณ์ ณ ตอนนี้ เราเข้าสู่ภาวะกึ่งล็อกดาวน์ แต่ไม่มีมาตรการเศรษฐกิจรองรับเลย ซึ่งอันตรายมาก เราควบคุมการค้าแต่ไม่มีมาตรการออกมา ดังนั้น พ.ร.บ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตอนนี้เงินที่เหลือ 2.5 แสนล้าน ต้องนำออกมาใช้อย่างรวดเร็วใน 2 เรื่อง คือ 1.ป้องกันไม่ให้ลูกจ้างตกงานเพิ่ม โดยรัฐบาลอาจช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้วยการช่วยจ่ายเงินเดือน 50% แลกกับการที่นายจ้างไม่เลิกจ้าง และ 2. เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้ารายละ 3,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งโดยสภาวะการคลังยังทำได้

4. เปลี่ยนทัศนคติผู้บริหาร วันนี้ คนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะพาประชาชนไปรอด เพราะยังเป็นระบบเป็นเจ้าขุนมูลนาย ผู้บริหารยังมองว่าประชาชนเป็นภาระ ทั้งที่เมื่อไปดูการแพร่ระบาด การติดเชื้อนั้นมาจากอภิสิทธิ์ชนและการเลือกปฏิบัติตามแบบของระบบเจ้าขุนมูลนายทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้บริหารต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ว่า ตนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และประชาชนไม่ใช่ภาระ การบริหารจัดการต้องเท่าเทียมกัน ข้อมูลต้องเปิดเผย และมีความจริงจัง จริงใจในการดูแลประชาชน

ทั้งนี้จาก 4 ข้อข้างต้น จะเห็นว่าการเสนอแนวคิดของนายธนาธร ยังคงมีการโจมตีการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และได้กล่าวถึงเงินช่วยเหลือ ที่จะต้องนำมาเยียวยาประชาชน ซึ่งมีใจความหนึ่งกล่าวว่า “เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้ารายละ 3,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งโดยสภาวะการคลังยังทำได้” และมาเปรียบเทียบกับโครงการเมย์เดย์ ที่คณะก้าวหน้าได้ออกแคมเปญช่วยเหลือประชาชน ในช่วงโควิดระลอกแรก ช่วงเดือนพ.ค. ปี 63 นั้น ก็มีการประกาศแจกเงินจำนวน 3,000 บาทด้วยเช่นกัน

แต่ล่าสุดทางด้านนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว ได้เปิดความจริง จากโครงการนี้ ระบุว่า “รายชื่อผู้ที่ขอเงินโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ มาก่อนแต่ไม่ได้รับเงิน 3,000 บาท มีดังนี้

21 ชนันธิดา คำมะลิ
22 กิตติโชค เอื้อจิตทวีชัย (ได้รับแล้ว)
23 พีระภัทร หมัดสี
24 อรุณ เงินเย็น
25 ศิริพร โมครัตน์
26 สุนิษา คงอ่อน
27 เกษร รมผักแว่น
28 ศุภชัย ทวีคูณ
29 บุตตรี นวลนอก
30 มณีวัน แซ่ย่าง
………ฯลฯ……….
(ยังมีต่ออีก)

เพื่อรักษาสิทธิ์ของคุณมิให้ถูกฉ้อ-โกง
ผู้ที่มีรายชื่อนี้กรุณาติดต่อกลับผมด้วย
ยกเว้นคนที่ 22 ที่ได้แล้วเพียงคนเดียว

ฝากถามถึงคณะก้าวหน้าว่าหัวใจของพวกเธอนั้นทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้ใจดำอำมหิตผิดมนุษย์เดินดินทั่วไป ทำได้แม้แต่คนที่กำลังระทมทุกข์ ย่ำยีบีฑาบังใจให้คนจนสามล้านคนต้องก้มหน้าหลั่งน้ำตา พรรณนาถึงความแร้นแค้นขัดสนในครอบครัวให้มหาเศรษฐียิ้มเยาะฟังเล่น หลายคนบอกว่าจะขอเงินนี้ไปซื้อข้าวสารประทังชีวิต บ้างก็บอกว่าจะขอเงินนี้ไปซื้อนมลูก บ้างบอกว่ากำลังถูกไล่ออกจากห้องเช่า สารพัดสารพันปัญหาทุกข์ร้อนที่พรั่งพรูออกมา ทั้งที่พวกเธอรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขานั้นไม่มีโอกาสจะได้เศษเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวจากหล่อน ทั้ง ๆ ที่เงินเหล่านั้นก็มิใช่ของพวกเธอ แต่เป็นเงินที่คุณบุญเกื้อและประชาชนร่วมกันบริจาคมา

…พวกเธอกระทำกับคนจนอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

#คณะก้าวหน้า #ธนาธร #ช่อพรรณิการ์ #ปิยบุตร
#เมย์เดย์เมย์เดย์ ฉ้อ-โกงประชาชน ซ้ำเติมความทุกข์ให้คนจนสามล้านคน”

อย่างไรก็ตามยังพบด้วยว่า เมื่อช่วงที่เกิดโควิดระลอกแรกนั้น นายธนาธรได้ประกาศเดินหน้าจะมอบอุปกรณ์การแพทย์ และได้ทำการผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ในการรับมือกับโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความหวังให้กับทีมแพทย์ไทยเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายโครงการดังกล่าวก็เป็นเพียงแค่ลมปาก เพราะไม่ได้มีการแจกจริงตาที่นายธนาธร เคยพูดไว้

เพราะทางด้านนายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไว้ก่อนหน้านี้ ระบุว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำ คำมั่นสัญญาของนายธนาธร เรื่องแจกอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งได้โพสต์ไว้เมื่อ 15 เม.ย.63 ซึ่งก็จะครบ 1 ปีพอดี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

#ประเทศจะแย่ถ้าธนาธรเป็นผู้นำ
ในโอกาสครบรอบปีของ 15 เมษายน 2020 มีเพื่อน ๆ แชร์เรื่องนายธนาธร ผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อมอบกับโรงพยาบาลทั่วประเทศมาให้ผม ทำนองว่า โรงพยาบาลทั่วประเทศได้ครบหรือยัง??

ผมบอกไปว่า ผมรอครบรอบปี เมย์เดย์เมย์เดย์ 3000 บาทถ้วนหน้า ไม่ต้องพิสูจน์ความจนจะดีกว่า เพราะสนุกกว่ามาก เนื่องจากคณะก้าวหน้า ฟ้องผมกับคุณบุญเกื้อ

เชื่อไหมครับ การที่พวกเขาฟ้องผมและคุณบุญเกื้อ พวกเขาคงคิดแค่เอากฎหมายมาปิดปากพวกเรา แต่สิ่งที่พวกเขาขาดคือ ปฏิภาณไหวพริบ ที่ทำให้พวกเราขอหมายศาล เพื่อมาตรวจสอบโครงการเขาได้ และกลายเป็นว่า พวกเขาต้องเปลี่ยนสภาพเป็นจำเลยต่อประชาชน

ถือว่าคนไทยโชคดีมาก ที่ไม่มีคนแบบนี้เป็นผู้นำ มิฉะนั้นสักวันหนึ่ง ในช่วงประเทศมีวิกฤติ เขาอาจจะตัดสินใจแปลก ๆ ที่ทำให้ชาติเสียหายได้ เพราะแค่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเมย์เดย์เมย์เดย์ เขายังพลาดพลั้งอย่างไม่เป็นท่าเลย