สว.วันชัย ซัด “5 อดีตพระวัดสระเกศ” ผิดคดีเงินทอนวัด ศาลเมตตาให้รอลงอาญา แต่กลับไปห่มจีวร ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด!
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา คณะสงฆ์วัดสระเกศฯ ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ในโอกาสพระภิกษุอธิษฐานครองผ้าไตรจีวรรับเข้าหมู่สงฆ์ ประกอบด้วย อดีตพระพรหมสิทธิ อดีตพระราชกิจจาภรณ์ อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ อดีตพระศรีคุณาภรณ์ และอดีตพระครูสิริวิหารการ
โดยอดีตพระเถระทั้ง 5 รูป เคยเป็นข่าวโด่งดังในคดีเงินทอนวัด คำพิพากษาของศาลระบุว่าไม่พบความทุจริต ขณะที่ในคดีฐานฟอกเงิน ทางศาลแพ่งก็ได้มีการพิพากษาแล้วว่าไม่มีความผิด และให้คืนเงินที่อายัดไปทั้งหมดแล้ว
ล่าสุดทางด้าน นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า กรณีอดีตพระพรหมสิทธิวัดสระเกศและคณะ รวม 5 คน ทำพิธีเอาจีวรมาห่มแล้วชยันโตกันในพระอุโบสถวัดสระเกศ เป็นข่าวกันเอิกเกริก และแถลงในทำนองว่าพระไม่ผิด ไม่ติดคุก และไม่เคยลาสิกขา จึงเอาจีวรมาสวมใส่เป็นพระได้เหมือนเดิม บังอาจกระทำการกันกลางวันแสกๆต่อหน้าธารกำนัล ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายใดๆ เป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ท้าทายอำนาจสงฆ์ ไม่มีใครกล้าทำอะไร เสมือนหนึ่งว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ชาวพุทธเกิดสับสนว่าใครผิดใครถูกกันแน่
ขอทำความเข้าใจใน 3 ประเด็นคือ 1 พระเหล่านี้มีการกระทำผิดหรือไม่ 2 ได้สึกแล้วหรือยัง และ 3 มหาเถรสมาคมได้ดำเนินการอย่างไร ในข้อแรกเป็นที่แน่นอนชัดเจนแล้วว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาว่าพระและฆราวาสเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำผิดเบียดบังยักยอกเอาทรัพย์ของหลวงไปใช้ มิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ลงโทษไปแต่ละบุคคล ติดคุกมากน้อยต่างกันไป ส่วนพระก็มีความผิดเช่นกัน ให้รอลงอาญาไว้ ไม่ได้หมายความว่าไม่ติดคุก ไม่ผิด ความจริงก็คือผิด แต่ศาลท่านได้เมตตาไว้ก็เท่านั้น แล้วจะฎีกาได้หรือไม่เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าผิดเรื่องเบียดบังยักยอกเงิน ข้อ 2 พระ ถ้ากระทำผิดเรื่องลักทรัพย์ เบียดบัง ยักยอกเรื่องเงิน เป็นปาราชิก ขาดจากความเป็นพระแล้ว จะเปล่งวาจาลาสิกขาหรือไม่ ไม่สำคัญ แค่เอาทรัพย์ไปเกิน 300 บาทก็ขาดจากความเป็นพระ จีวรกระเด็นแล้ว ไม่ต้องมีใครมาจับสึกหรอก และข้อสุดท้าย พระเหล่านี้ถูกจับสึก ถอดยศปลดตำแหน่ง มหาเถรสมาคมรับทราบแล้วถึงการขาดจากความเป็นพระ หมดยศหมดตำแหน่งแล้ว