ต้องแก้ให้ตรงจุดจี้ “รมว.ศธ.” จัดการอีแอบปั่นหัวเด็กชังชาติตามสามกีบ? ยันรร.มีกฏระเบียบให้นร.เคารพ 3สถาบันหลัก!!

3153

ต้องแก้ให้ตรงจุดจี้ “รมว.ศธ.” จัดการอีแอบปั่นหัวเด็กชังชาติตามสามกีบ? ยันรร.มีกฏระเบียบให้นร.เคารพ 3สถาบันหลัก!!

จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ทางกลุ่มนักเรียนเลว ได้เผยแพร่ภาพกราฟิก พร้อมข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถึงประเด็นที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตตัดสิทธินักเรียนชั้น ม.3 ที่จะเข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ด้วยเหตุผล “ไม่จงรักภักดีชาติ สถาบันฯ” ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวนั้น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก และได้มีการทักท้วงว่าทางโรงเรียนทำไม่เหมาะสม จำกัดเสรีภาพของนักเรียน

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 เมษายน 2564) ทางด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า

จากกรณีที่มีข่าวนักเรียนชั้น ม.3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ถูกตัดสิทธิ์การเรียนต่อชั้น ม.4 ด้วยเหตุผล ‘ไม่จงรักภักดีต่อชาติและสถาบันกษัตริย์’ นั้น ในฐานะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ขอยืนยันว่า ดิฉันได้รับทราบและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ก็ต้องขออนุญาตใช้พื้นที่เพจส่วนตัวของดิฉันในการสื่อสารถึงสิ่งที่เป็น ‘ข้อเท็จจริง’ และมุมมองต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ในฐานะแม่ของลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียนเช่นเดียวกับน้องนักเรียนคนดังกล่าว คงจะปล่อยนิ่งนอนใจไปไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะภารกิจหลักของกระทรวงศึกษาธิการ คือ ‘การทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม’
โดยรายงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่า เรื่องนี้เป็นบันทึกข้อความของกลุ่มบริหารกิจการนักเรียนของทางโรงเรียน ที่ทำการเสนอรายชื่อนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาการรับนักเรียนประเภทโควตา (นักเรียนโรงเรียนเดิม) ห้องเรียนทั่วไปตามลำดับขั้นตอน
“โรงเรียนไม่มีการตัดสิทธิ์โอกาสนักเรียนในการเข้าศึกษาต่อในระดับชั้น ม.4 แต่อย่างใด” และน้องนักเรียนคนดังกล่าวยังคงมีสิทธิ์ในการสมัครเข้าเรียนในรอบทั่วไป โดยโรงเรียนได้ดำเนินการอนุมัติการจบหลักสูตรของนักเรียนชั้น ม.3 และนักเรียนที่จบหลักสูตรได้ มารับเอกสารการจบหลักสูตร (ปพ.1) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับน้องนักเรียนคนดังกล่าว ทางโรงเรียนได้ดำเนินการติดตามการสอบแก้ตัวตามกระบวนการขั้นตอนงานวัดผลและประเมินผลของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้จบหลักสูตรตามปฏิทินการอนุมัติจบหลักสูตรของโรงเรียนต่อไป ทั้งนี้ การรับสมัครนักเรียนในรอบทั่วไปจะรับสมัครในวันที่ 24-28 เมษายน 2564 โดยเกณฑ์การเข้าศึกษาต่อจะเป็นไปตามประกาศของโรงเรียน ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่ฯ ก็ได้แนะนำวิธีการแก้ปัญหาและกำชับกับทางโรงเรียนให้ดำเนินการรับสมัครนักเรียนตามประกาศของ สพฐ. อย่างเคร่งครัด
ดิฉันเชื่อว่า ทุกสถานศึกษาต่างมีหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ จึงต้องยอมรับและเคารพ หากได้มีการดำเนินการอย่างโปร่งใสและเป็นมาตรฐาน โดยสิ่งเหล่านี้สามารถไปด้วยกันได้พร้อม ๆ กับการใช้เสรีภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อง ๆ และพวกเรามีอยู่ในตัวทุกคน อย่างตระหนักรู้ถึงความเหมาะสมและขอบเขตที่มีอยู่ตามกฎหมาย
ต่อกรณีที่เกิดขึ้น ดิฉันจึงเห็นว่า ควรมีการชั่งน้ำหนักให้เกิด ‘ความได้สัดส่วน’ ระหว่างการดำเนินการของสถานศึกษา กับการใช้เสรีภาพของน้องนักเรียนตามที่เป็นข่าว โดยคำนึงถึงเป้าหมายของการพัฒนาเป็นสำคัญ
ดิฉันยินดีที่จะเป็นตัวกลางในการพูดคุยระหว่างสถานศึกษากับน้องนักเรียน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับกรณีอื่น ๆ ในการหาทางออกร่วมกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา หากเราดำเนินการบนพื้นฐานของความเข้าใจจากทุกฝ่าย สถานศึกษาจะสามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ ก็ด้วยการให้เด็ก ๆ ของเราได้มีโอกาสทางการศึกษา จนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ มีคุณธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุดค่ะ
#ตรีนุชเทียนทอง
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์และเกิดการตั้งคำถามว่า การที่เด็กมีพฤติกรรมดังกล่าวนั้น อาจจะมีจากอาจารย์ภายในโรงเรียนที่มีการยุยงหรือส่งเสริมให้เด็กมีความคิดแบบนี้หรือไม่ เพราะถ้าอาจารย์ไม่ให้ท้ายเด็ก เด็กคงไม่กล้าออกมาแสดงออกหรือมีพฤติกรรมแบบนี้อย่างแน่นอน