เปิดไทม์ไลน์ จับโกหก “เพนกวิน” ลาครอบครัว หากไม่ได้ประกัน ด้านทนายเผยเอง แม่ไม่ได้ขอยื่นประกันตัว เจ้าตัวขอถอนทนาย!?!
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ศาลนัดตรวจพยานวัตถุ คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ, ยุยงปลุกปั่นฯ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ จากกรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง ที่พนักงานอัยการพิเศษคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กับพวกรวม 22 คน แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย
โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ทนายได้ยื่นขอปล่อยชั่วคราวเพียง 3 คน ได้แก่ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เท่านั้น โดยบอกว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีมีครั้งหนึ่งที่ศาลเรียก 3 คนนี้ไปคุย ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรไหมถ้าจะขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งทั้ง 3 คนได้แถลงตามที่เสนอข่าวไปแล้ว ญาติๆ จึงให้ทนายยื่นขอปล่อยชั่วคราวทั้ง 3 คนไปก่อน โดยไม่ได้หวังว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ซึ่งในการยื่นประกันตัวไม่ได้อยู่ที่ทนายความแต่อยู่ที่เจ้าตัวและญาติ อย่างเพนกวินเอง วันนั้นแม่เขาก็ไม่ได้ขอยื่น เพราะเห็นเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสม ทนายก็จะต้องทำตามความต้องการของลูกความ
ต่อมาเมื่อวานนี้ (8 เมษายน 2564) นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน เปิดเผยว่า เราอยากเข้าไปเจอลูก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า จึงไปอยู่หน้าห้อง 704 และมีตำรวจจาก จ.ขอนแก่น มาแจ้งเพิ่มคดีตาม ป.อาญา ม.116 ให้เพนกวินกับนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ตอนระหว่างการนำตัวเพนกวินออกมา ตนจับตัวเพนกวินได้นิดหนึ่ง รู้สึกว่ามือเย็นถึงแขน เรามองหน้าเห็นตาดำๆ ไม่สดชื่น อาการหนักลง ส่วนในห้องพิจารณาเหมือนมีปัญหา ไม่ได้รับความยุติธรรม เพนกวินบอกเพื่อนว่าถ้าพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) ยื่นประกันแล้วไม่ได้ออก จะลาเพื่อน ลาครอบครัว ไม่เจอกันอีก อีกทั้งเพนกวินน้ำหนักลดลงมาก รูปหน้าเปลี่ยน ตนก็ร้องไห้ รับไม่ได้
ในขณะที่ทางเพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration อัพเดต สถานการณ์ เพนกวิน-พริษฐ์ อดอาหารมาเป็นวันที่ 24 แล้ว ระบุรายละเอียดว่า
เพื่อนของเรายอมอดอาหารเพียงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากศาลอันสูงส่ง แต่ไฉนเลยศาลกลับเมินเฉยต่อความเป็นความตายของเพื่อนเรา
เพื่อนเอ๋ย แม้แต่เศษเสี้ยวความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย์ด้วยกันของศาลที่เคารพกลับไม่มีไม่เห็นเลย เรารู้ว่าเพื่อนคือนักสู้ตัวจริงแม้ในภาวะที่เพื่อนถูกปิดปากและล่ามโซ่เอาไว้ แต่เพื่อนก็ยอมเสี่ยงชีวิตแลกกับการไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น หากศาลท่านยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้าง ท่านก็คงจะเห็นถึงความยุติธรรมอันความบิดเบี้ยวที่เกิดขึ้นและท่านก็คงเห็นถึงการต่อสู้ของเพื่อนเพื่อต่อต้านความบิดเบี้ยวนั้น และเราก็หวังว่าศาลจะได้อ่านคำถามถึงความยุติธรรมจากเพื่อนของเราเมื่อวันก่อน
3 คำถามที่เพื่อนเราทวงถาม ศาลอันสูงส่งต้องตอบแก่เพื่อนของเราและประชาชนเพื่อคงความยุติธรรมอย่างที่ศาลควรจะทำและรักษาคำพูดที่ศาลเคยกล่าวไว้กับเพื่อนของเรา ขอศาลจงตัดสินโดยยึดสถาบันประชาชนเป็นหลัก เพราะอำนาจของท่าน ก็มาจากอำนาจของมหาประชาชน เงินเดือนที่ท่านได้รับก็มาจากภาษีของประชาชน ขออย่าหลงลืมว่าท่านต้องทำหน้าที่เพื่อรับใช้ใครกันแน่และสิ่งสุดท้าย ขอท่านอย่าหลงลืมความเป็นคน.
ล่าสุด เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่รายงานความคืบหน้าคดีความคณะราษฎรถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ระบุว่า จำเลยกลุ่มราษฎร 21 คน ที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง อาทิ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา เป็นต้น ขอถอนทนายความเนื่องจากภายใต้กฎเกณฑ์ของกระบวนการยุติธรรมเช่นนี้พวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม อาทิ สิทธิในการประกันตัว สิทธิในการเข้าเยี่ยมของญาติ การไม่ได้รับการปรึกษาอย่างเป็นส่วนตัวกับทนายความ ฯลฯ
เนื้อหาในรายงานมีใจความสำคัญว่า ในวันนี้ (8 เมษายน 2564) เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนตรวจพยานหลักฐานในคดี จําเลยทั้ง 22 คน ยกเว้น ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม จำเลยที่ 3 ได้แถลงความประสงค์ขอถอนทนายความ เนื่องด้วยกระบวนการพิจารณาคดีในศาลอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และการปฏิบัติที่ไม่เอื้ออำนวยให้จำเลยได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม นอกจากนั้นในคำแถลงยังได้อธิบายเหตุผลประกอบ 3 ประการ ดังนี้
หนึ่ง – จำเลยไม่ได้รับสิทธิในการปรึกษาหารือกันในทางคดีอย่างเป็นส่วนตัวและเป็นความลับ ระหว่างทนายความและลูกความ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมจนสิทธิของจําเลยและทนายความถูกละเมิดแม้อยู่ในห้องพิจารณาคดี ทั้งยังมีการตรวจเช็ครายชื่อทนายจําเลยและจําเลยที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีอย่างเข้มงวด การทําร้ายร่างกายทนายความที่กําลังใช้สิทธิปรึกษากับจําเลยเป็นการเฉพาะตัว การยึดโทรศัพท์ของทนายจําเลย การไม่เปิดโอกาสให้จําเลยและทนายได้ปรึกษากันเป็นการเฉพาะตัว อานนท์ นำภา และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ยังได้แถลงต่อศาล เพื่อขอให้ศาลซึ่งมีอํานาจควบคุมการพิจารณาคดี พิจารณาสั่งให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติโดยเคารพสิทธิดังกล่าว ซึ่งศาลแจ้งว่าจะพิจารณาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติโดยเคารพสิทธิของจําเลยและทนายความแต่อย่างใด
สอง – จําเลยที่ต้องขังและจําเลยที่ได้รับการประกันตัวไม่ได้รับสิทธิในการปรึกษาหารือกันในทางคดี ไม่อนุญาตให้พูดคุยหารือกันอย่างเพียงพอ
และสาม – คดีนี้ศาลไม่ได้สั่งให้พิจารณาคดีลับ แต่กลับมีคําสั่งหรือมาตรการต่างๆ ในการไม่อนุญาตให้ครอบครัว และ/หรือญาติของจําเลย รวมทั้งบุคคลภายนอกเข้ารับฟังการพิจารณาคดีได้ ตามหลักการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยและโปร่งใส จําเลยและทนายความได้แถลงต่อศาลหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา โดยอ้างถึงพฤติการณ์เดิม
ดังนั้นจําเลยทั้งหมด ยกเว้น ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม จึงขอถอนทนายความ และทนายความของจําเลยดังกล่าวขอถอนตัวจากการปฏิบัติหน้าที่ทนายความ เพราะไม่สามารถยอมรับกระบวนการพิจารณาคดีที่ไม่คํานึงสิทธิของจําเลยนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอถอนทนายดังกล่าว