คดีที่อยู่ในสายตาของสาธารณชนมากที่สุดในวันนี้ คือวันพิพากษาของศาลปกครองกลาง เรื่องการชดใช้ค่าเสียหายคดีโกงจำนำข้าวของอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผลสรุปออกมาแล้วว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่สั่งอายัดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้เงินสินไหมจำนวน 35,000 ล้านบาท พร้อมทั้งให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ดำเนินการไปแล้ว เป็นที่น่าจับตาต่อไปว่าทางรัฐบาลจะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะมีสิทธิ์ดำเนินการได้ภายใน 30 วัน หากไม่อุทธรณ์ ก็ต้องติดตามต่อไปว่ายิ่งลักษณ์และทีมงานจะใช้ประเด็นนี้สร้างความสับสนกับสังคม และฟ้องกลับ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวกรวม 9 คนหรือไม่ การยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ต้องส่งคืน พร้อมมีค่าชดเชยเยียวยาหรือไม่? เพราะข้อเท็จจริง ผลการพิจารณาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา และคดีแพ่งที่อย่างไรก็หนีไม่พ้น มีทั้งโทษจำคุกและปรับสินไหมด้วย
จากนี้ไปข้อถกเถียงเรื่อง คดีอาญาทุจริตนักการเมือง กับคดีแพ่งในกรณีของยิ่งลักษณ์ จะถูกจับมาฟาดฟันกันอีกอย่างแน่นอน ท่ามกลางการปลุกระดมโค่นล่มรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ของทักษิณและพวก
วันนี้(2เม.ย.2564)ศาลปกครองกลางพิพากษา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย โครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท หรือไม่ ก่อนหน้านี้ ศาลได้พิพากษาให้นายบุญทรงและพวกในคดีเดียวกันชดใช้รวมราว 1.6หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่กรณีคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตรศากสั่งเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ โดยระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการที่ย่อมจะมีประสบการณ์และเล็งเห็น ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น กระทบต่อระเบียบวินัยการเงินการคลังในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สามารถ ดำเนินการสั่งให้ระงับยับยั้งโครงการได้เพียงคนเดียว
จากกรณีเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง นั่งบัลลังก์พิจารณาคดีที่อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวก รวม 9 คน เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหาย โดยศาลรวม 4 สำนวนคดี เพื่อพิจารณาในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกเรียกค่าสินไหมทดแทน 35,000 ล้านบาท ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ฐานปล่อยให้เกิดการทุจริต และเพิกเฉยไม่ยับยั้งความเสียหาย โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (2 เม.ย.) เวลา 09.00 น.
คดีนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว เป็นเงิน 35,000 ล้านบาท ตามคำสั่งกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ก่อนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ จะยื่นอุทธรณ์คำสั่ง แต่ไม่เป็นผล จากนั้นจึงยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อขอทุเลาคำสั่ง แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน
จนกระทั่งวันนี้ (2 เม.ย.) ศาลปกครองกลางได้พิจารณาเพิกถอนคำสั่ง ซึ่งคู่กรณียังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน
หากเรายังจำกันได้ คดีโคตรโกงจำนำข้าว ได้มีการฟ้องร้องระบุโทษกันไปแล้วจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั่นหมายถึงโทษทางอาญาของยิ่งลักษณ์ฯยังอยู่ครบถ้วน ซึ่งมีโทษอาญาถึงกับจำคุกด้วย สำหรับกรณีที่เพิ่งจบไป คือการฟ้องค้าน การสั่งยึดทรัพย์โดยกระทรวงการคลังซึ่งเป็นการพิสูจน์คำสั่งของหน่วยราชการว่าถูกต้องหรือไม่?ถือเป็นคดีปกครอง เป็นคำสั่งปกครองที่ศาลกล่าวว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า “ล้างผิดยิ่งลักษณ์จากคดีโกงจำนำข้าว”
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2560 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ องค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ พิพากษาให้จำคุก 5 ปีไม่รอลงอาญา “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 จำเลยคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.ม.123/1 ซึ่งบทหนักสุดที่ละเลยการตรวจสอบระบายข้าวจีทูจีจนทุจริตเสียหายกับ ก.คลังและประเทศชาติ โดยศาลให้ออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย มารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป