หลังจากที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนฯ หลังศาลฎีการับคำร้องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
โดยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส. ปารีณา เป็นผลจากการยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ที่ป่าสงวน 711 ไร่ ใน จ.ราชบุรี ซึ่ง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน 2 ข้อหา
ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนักการเมืองที่ครอบครองที่ดิน บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีลักษณะคล้ายการครอบครองของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ทั้งนี้พบว่ามีทั้ง ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี รวมถึงอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แยกเป็น ส.ส. 33 ราย , ส.ว. 5 ราย ,รัฐมนตรี 2 ราย และสนช. 20 ราย รวม 60 ราย โดยจำนวนดังกล่าวมีทั้งที่มีการร้องเข้ามาและ ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบเองจากบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมี ส.ส. 1 ราย ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมไปแล้ว 1 ราย คือ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
กรณีดังกล่าวมีการร้องให้ถอดถอนนายศุภชัย มาตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากกรณีถือครองที่ดินดงพระทาย จ.นครพนม จำนวนหลายร้อยไร่ ที่ตามกฎหมายที่ดินดังกล่าวมีเงื่อนไขห้ามโอนหรือเปลี่ยนแปลง ซื้อขายใบจอง และเอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้ส่งออกยางพารา แต่เมื่อสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุอันควรสงสัย จึงหยิบยกมาตรวจสอบว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
จากการที่อนุกรรมการไต่สวนลงตรวจสอบในพื้นที่แล้ว พบว่ามีข้อมูลทำให้เชื่อได้ว่าเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจริง และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้อนุกรรมการไต่สวนรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว รวมถึงผู้ถูกร้องรายอื่น ๆ ในกรณีที่มีความคืบหน้า เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ทั้งนี้เพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ทราบความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2564 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบส.ส.ที่ถูกร้อง ว่าฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากถือครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนและที่สปก.ว่า ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดในชั้นของเจ้าหน้าที่ ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานจำนวนมาก และรายละเอียดในคำร้องของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกัน ซึ่งป.ป.ช จะพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่อย่างรอบคอบ ทั้งนี้ สำหรับส.ส. ที่ถูกยื่นร้องฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงเช่นเดียวกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีทั้งหมด 19 คน จากหลายพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
โดยคดีของน.ส.ปารีณา มีนายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นผู้ส่งให้ป.ป.ช.สอบ แต่ไม่ได้ยื่นสอบแค่ น.ส.ปารีณาเพียงคนเดียว โดยมีการยื่นไปร่วม 4 ล็อต รวมแล้วมีทั้งส.ส.และรัฐมนตรี โดนนายศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องให้สอบสวนเคสคล้ายคลึงกับปารีณา
– เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 มี 3 รายคือ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ พรรคพลังประชารัฐ, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี ตระกูลคหบดีที่ชลบุรี ที่ย้ายค่ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่กับ พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ปัจจุบัน นายสรวุฒิอยู่กับกลุ่มสามมิตร ของสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งพบว่าในบัญชีทรัพย์สิน สรวุฒิ ถือครอง ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงใน จ.ระยอง และจันทบุรี จำนวน 350 ไร่
อีกคนก็คือ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าของที่ดิน 12 แปลง มูลค่า 28,976,752 บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดินประเภท หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์เขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. อ.บ่อไร่ จ.ตราด มูลค่า 1,480,000 บาท
ส่วนล็อตที่สอง นายศรีสุวรรณ ยื่นต่อป.ป.ช.ไปเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2562 มี 3 รายคือ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ว่ามีที่ดิน ภ.บ.ท.5 13 แปลง มูลค่า 45,000,000 บาท ส่วนคู่สมรส มี 11 แปลง มูลค่า 56,700,000 บาท โดยทั้งหมดเป็นที่ดินในจังหวัดกระบี่
รายที่สอง คือนายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย ที่ได้แจ้ง ป.ป.ช. ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 รวม 3 แปลง 6.1 ล้าน กรรมสิทธิ์ ภ.บ.ท.5 อีก 13 แปลง 178 ไร่เศษ รวมมูลค่า 12.6 ล้าน
และคนสุดท้ายในล็อตสองคือ นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พลังประชารัฐ ที่แจ้งต่อป.ป.ช. ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท. 52 แปลง รวมเนื้อที่ 498 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ต่อมานายศรีสุวรรณ ได้ยื่นล็อตที่ 3 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 เพื่อให้ ป.ป.ช.สอบ ส.ส. 13 ราย ซึ่งในล็อตนี้ก็มีบิ๊กเนม อย่าง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่แจ้งป.ป.ช. ถือครองที่ดิน 20 แปลง มูลค่า 8,626,200 บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดิน ภ.บ.ท. 5 จำนวน 1 แปลง อยู่ที่อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 30 ไร่ มูลค่า 300,000 บาท
รายต่อไปคือ นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี อดีตส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคอนาคตใหม่ แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทย โดยได้แจ้งกับป.ป.ช.ว่า เป็นเจ้าของที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 6,600,000 บาท ซึ่ง 1 ใน 3 แปลงเป็น ที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ที่ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย พี่ชาย ลูกหมี ชุมพล จุลใส อดีตแกนนำกปปส. เจอยื่นป.ป.ช. โดยพบว่า ส.ส.สุพล จุลใส ยื่นบัญชีทรัพย์สินว่า มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 รวม 2 แปลง รวมมูลค่า 1.2 ล้านบาท ที่เกาะพะงัน สุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก กับกิจกรรม ฟูลมูนปาร์ตี้
นอกนั้นก็มีอีกหลายคนในล็อต 3 เช่น นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล , พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ แต่รายนี้คงไม่มีอะไรแล้ว เพราะเจ้าตัวหนีคดี ถูกตัดสินจำคุกหลายสิบปี คงไม่กลับมาแล้ว
มีนางสาว พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ,นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์น้องชายนายวิฑูร นามบุตร อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
นาย มานพ ศรีผึ้ง พรรคภูมิใจไทย ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย , นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย , นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย, นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย และนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย
และล็อตสุดท้าย ที่ยื่นไปเมื่อ 27 ม.ค. 2563 คือ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ อดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคภูมิใจไทย หลังมีการเสนอข่าวว่า ถือครองโฉนดที่ดินในพื้นที่บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้าน ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เนื้อที่รวม 63 ไร่ 3 งาน 86.6 ตารางวา
สรุปยื่นทั้งหมด 4 ล็อต 19 ชื่อ ต้องลุ้นหนักไม่ให้ตัวเองมี ชะตากรรมเดียวกับ เอ๋ ปารีณา ซึ่งมีรายงานข่าวว่าทาง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก็กำลังสอบสวนอยู่ภายใน ยังไม่มีผลอะไรออกมา
อย่างไรก็ตามส่วนเคสของเอ๋ ปารีณา ที่อาจเร็วกว่าคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะเป็นเรื่องที่มีคนไปยื่นข้อมูลให้ป.ป.ช.อีกหลายชุด ไม่ใช่ แค่นายศรีสุวรรณ เพียงคนเดียว แต่มีนักร้องรุ่นพี่ ทั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และ นายวีระ สมความคิด รวมทั้งกรมป่าไม้ ก็ร่วมผสมโรงด้วย เลยทำให้คดีปารีณา ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.แบบรวดเร็วทันใจ ซึ่งร่วมมีการยื่นสอบเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 จนถึงวันที่ 25 มี.ค. 64 มีคำสั่งให้ยุติหน้าที่ ส.ส. รวมเป็นระยะเวลาเพียง 2 ปี กับ 4 เดือนกว่า ๆ
น่าจับตามองว่า รายต่อไป จะเป็นส.ส. นักการเมืองคนไหนที่ตามติด เอ๋ ปารีณาไป ซึ่งรายชื่อทั้งหมด มีทั้งที่ถูกยื่นให้ป.ป.ช.สอบ และทางเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. ได้ดำเนินเรื่องสอบเอง ต้องลุ้นกันว่า
หากทั้ง 60 รายชื่อที่กล่าวมาข้างต้น รวมใน 19 รายชื่อที่นายศรีสุวรรณยื่นสอบ ทำให้ส.ส. ส.ว. ต้องหลุดจากตำแหน่ง งานนี้สภาป่วนกันหนักแน่นอน เพราะจากที่มีสมาชิก กลุ่มการเมืองในวุฒิสภาจำนวน 250 คน และกลุ่มการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร 500 คน ล่าสุดเหลือ ส.ส. ในสภา จำนวน 489 คน หากส.ส. และ ส.ว. ต้องหยุดหน้าที่และหายไปรวมกัน 60 คน แน่นอนว่าเสี่ยงต่อสภาล่ม เสียงไม่พอในการจะโหวตวาระการประชุมต่าง ๆ การทำงานและบริหารบ้านเมืองหลังจากนี้ จะมีปัญหาอย่างมากตามมากิตติศักดิ์ ปรกติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวยืนยันว่า หาก สส.มีจำนวนไม่ถึง 95% หรือ 475 คน ของจำนวน สส.ทั้งหมดตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญมาตรา 93 กำหนด ก็ไม่สามารถจัดตั้งสภาผู้แทนราษฎรได้ ถือว่าไม่ครบองค์ประกอบ