“ณัฐวุฒิ” คุย “เพนกวิน” ในคุกปลื้มจำได้ตั้งแต่ม็อบปี53 หวังลูกชายเดินตามรอยถึงเวลานั้นพ่อคงได้มาช่วยประกัน

2539

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 29 มี.ค.64 ครบกำหนดวันต้องโทษของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” โดยได้ไปรายงานตัว และเข้าอบรมธรรมะอีกครั้ง หลังถอดกำไลอีเอ็ม

เมื่อได้รับอิสรภาพคืนมาโดยสมบูรณ์ วันรุ่งขึ้น จึงนัดหมายสื่อมวลชน ที่ UDD news – ยูดีดีนิวส์ ชั้นใต้ดิน อาคารเอเวอรี่มอลล์ แยกแคราย นนทบุรี ขอเปิดใจครั้งแรก วันคืนสู่อิสรภาพ

โดยนายณัฐวุฒิ แถลงขอบคุณกระทรวงยุติธรรม รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ ที่ปฏิบัติต่อกันตามกติกาและระเบียบ ทั้งนี้ตนได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ รวมถึงปฏิบัติตามที่กรมคุมประพฤติกำหนด จนคืนสู่อิสรภาพ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ดังนั้นสถานะการเมืองของตนไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งใดๆ เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ดียอมรับว่า มีอีกหลายคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนจุดยืนทางการเมืองนั้นยังเป็นเช่นเดิม คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

“ผมไม่เสียใจ ที่เลือกเส้นทางสายนี้ จนติดคุก 3 ครั้ง มีคดีความ และไม่แน่ใจว่าจะติดคุกอีกหรือไม่ ความเจ็บปวดที่มีผมยอมรับได้ และภาระที่ต้องแบกไม่หวั่นไหว ผมไม่หวาดกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น กับจุดยืนทางการเมืองที่ประกาศกับประชาชน เป็นแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ผมไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือทำลายทรัพย์สินใดๆ หรือบุคคลที่เห็นต่างกันทางการเมือง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

“สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนนั้น ผมไม่อยู่ในฐานะประเมินความเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชน จะไปได้ไกลแค่ไหน ภายใต้จุดยืนทางการเมืองที่ไม่เปลี่ยนแปลงของผมและคนที่ร่วมต่อสู้วันนี้ แสดงตัวเคียงข้างนิสิต นักศึกษา ประชาชนที่กำลังต่อสู้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ขอปฏิเสธข้อกล่าวหา บิดเบือน ให้ร้ายว่าการแสดงท่าที คือการมุ่งร้าย ทำลายสถาบัน จุดยืนทางการเมืองของผม และเพื่อนมิตร มีความชัดเจน แต่เมื่อคนหนุ่มสาวที่ออกมาสู้ ถูกกระทำผมมีท่าทีและจุดยืนอย่างอื่นไม่ได้ ต้องยืนเคียงข้างพวกเขาและประชาชน” นายณัฐวุฒิ กล่าว

แกนนำนปช. กล่าวด้วยว่า ตนได้พบแกนนำเยาวชนหลายคนที่ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำ ได้พูดคุยสั้นๆ และตนเป็นห่วง ทั้งนี้ทุกเช้าเมื่อเดินผ่านห้องที่จำขัง ต้องเรียกพวกเขาทุกครั้ง เพราะห่วงว่าไม่เคยถูกขังรวมกับผู้ต้องขังอื่น จะปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรก็ดีตนขอเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจรัฐให้คืนอิสระภาพให้กับนิสิต นักศึกษา แล้วขอให้แก้ไขปัญหาด้วยวิธีของผู้ใหญ่ ทั้งนี้เยาวชนที่ออกมาเรียกร้องต้องการการเปลี่ยนแปลง เพื่อกำหนดอนาคตของตนเอง ดังนั้นผู้มีอำนาจรัฐไม่ควรกลัวการเปลี่ยนแปลง

ช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ได้เผยบทสนทนากับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ในเรือนจำ ตอนหนึ่งว่า

“ผมได้ถามเพนกวินในเรือนจำ พี่ได้ยินว่า น้องใช้คำปราศรัยของพวกพี่ ตะโกนชื่อพวกพี่อยู่หลายเวที น้องรู้จักพี่ได้ยังไง เพนกวินบอกว่า เขารู้จักผมตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ตั้งแต่ปี 2553 คำตอบของเขาสั้นๆ แต่ทำให้ผมคิดยาว เพราะปี 2553 ผมได้ร่วมต่อสู้ครั้งใหญ่ เพนกวินอายุ 11 ขวบ เหตุการณ์ครั้งนั้น ผ่านมา 10 ปีถึงปี 2563 เพนกวินเป็นแกนนำต่อสู้ มีคดีความติดคุกอยู่เวลานี้

“สิ่งที่ผมคิดยาว ถ้าเรื่องราวยังยุ่งเยิน ยังหาข้อยุติไม่ได้อีก 10 ปี ลูกชายผมจะอายุเท่าเพนกวินวันนี้ แล้วก็ไม่แน่ว่า อีก 10 ปีลูกชายผมต้องมาเจอสภาพแบบนี้ ไม่แน่ว่า คนที่จะต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดศาล พยายามให้ลูกต้องได้รับอิสรภาพ อาจจะไม่ใช้ แม่เพนกวิน แม่ไมค์ แม่รุ้ง แม่ไผ่ แต่อาจจะเป็นผม พ่อของด.ช.นปก ใสยเกื้อวันนี้ก็ได้

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ออกจากเรือนจำ หลังได้รับการพักโทษ เมื่อ 19 ธ.ค. 2563

“ผมถึงบอกว่า คนรุ่นเรานี่แหละที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้เด็กโตขึ้นมาแล้วรับผิดชอบความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะโต ก่อนที่เขาจะรู้ความด้วยซ้ำไป ถามหัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนว่า เรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้หรือ เราจะเข้าคิวรอการเป็นพ่อแม่ที่ต้องวิ่งประกันตัวลูก ที่ต้องอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเห็นลูกต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ผมว่า เรายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

“ดังนั้น ไม่มีใครปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงได้ เราอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ โดยไม่ต้องทำร้ายกันและกัน กับคนหนุ่มคนสาว เมตตาเถอะครับ อย่าอาฆาต พยายามเถอะครับ อย่าพยาบาท และผมเชื่อว่า บ้านเมืองมันมีทางออก ขอส่งความปรารถนาดีๆไปถึงประชาชน คนหนุ่มสาว ไปยังเยาวชนที่ต่อสู้อยู่เวลานี้

ประกาศอดข้าว “เพนกวิน” กร้าว แลกประกันตัว ทำศาลชุลมุน

“จริงๆโดยวัยนับกันยาก แต่พวกเขาเรียกผมติดปากว่าพี่ แม้ว่าจะรู้จักเป็นการส่วนตัวน้อยคนมาก ที่ยังอยู่ข้างนอกไม่เคยรู้จักแม้แต่คนเดียว ที่อยู่ข้างในก็ไปรู้จักกันข้างในแทบจะทั้งหมด แต่อยากจะบอกว่า พี่เต้นยังอยู่ ตรงนี้ พี่เต้นเคียงข้างเสมอ เข้าใจและเห็นใจ และไม่คิดว่า จะถอดทิ้งกัน”

ทั้งนี้ผมจะไม่ลงไปเป็นแกนนำม็อบนักศึกษา แต่หากอนาคตมีสถานการณ์จำเป็นหรือไม่มีวิธีการอื่น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต อย่างไรก็ตามผมยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวมวลชนเสื้อแดงตอนนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นักศึกษาเสนอชื่อ 'เพนกวิน' ร่วม กมธ. ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ โควต้าฝ่ายค้าน | ประชาไท Prachatai.com

อย่างไรก็ตาม นายจตุพร เคยกล่าวว่าจากการนัดวันที่ 4เมษา 64 บางฝ่ายวิจารณ์ จะไปตัดกำลังของคนหนุ่มสาวนั้น คิดกันแค่นี้ จึงอยากอยู่เฉยๆ แล้วทนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปได้ แล้วอยู่กับบ้านเมืองนี้ต่อไป ซึ่งตนไม่สนใจ ใครจะมาร่วมหรือไม่ ก็ไม่สนใจ เพียงแต่บอกว่า ปัญหาของชาติมันขนาดนี้แล้ว เพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวทนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ แต่ทนกับคนจะมาร่วมกันของแต่ละฝ่ายกลับทนไม่ได้ รับไม่ได้ ก็เอาตามสบาย เพราะบ้านเมืองต่างมีสิทธิ มีเสรีภาพ”

เอ๊ะยังไง? "จตุพร" ทิ้งปริศนา "วันพุธหน้ายังจะมีสภาไหม" ชี้ สถานการณ์สุดเปราะบาง สยามรัฐ