ชำแหละ “แอมเนสตี้” ผุดโครงการ “ในม็อบมีเด็ก” ใช้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นโล่ห์กำบังชุมนุมทางการเมือง!?!
จากกรณีที่วันนี้ (28 มีนาคม 2564) คณะทำงานโครงการ “ในม็อบมีเด็ก” (Child In Mob) ได้แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังเปิดรับอาสาสมัครทำงานในพื้นที่ชุมนุมเพื่อสร้าง “วงล้อมแห่งความปลอดภัย” ต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 และเชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้วยการเป็นอาสาสมัครและร่วมบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการปกป้องและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของเด็กและเยาวชน
นางปิยนุช โคตรสาร ตัวแทนโครงการในม็อบมีเด็ก เปิดเผยว่า อาสาสมัคร Child in Mob คือ กลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่การชุมนุมหนึ่งในภารกิจหลักของโครงการ Child in Protest ที่เกิดจากการรวมตัวของหลายองค์กรเช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มูลนิธิสายเด็ก 1387 (Child Line) กลุ่มหิ่งห้อยน้อย ครูขอสอน ก่อการสิทธิเด็ก โครงการสวนครูองุ่น การเมืองหลังบ้าน นักจิตบำบัดอิสระ อาสาสมัคร และคนทำงานที่สนใจด้านสิทธิเด็ก โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ดูแลปกป้อง และสนับสนุนสร้างพื้นที่ปลอดภัยต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
จากการรวบรวมข้อมูลของ Mob Data เราพบว่า มีจำนวนเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีเข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ในการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม มีจำนวนเด็กมากกว่า 800 คน และภายในเวลา 2 เดือน เฉพาะในการชุมนุมที่กรุงเทพ มีจำนวนเด็กรวมกันกว่า 5,000 คน โดยตัวเลขนี้ได้มาจากจำนวนสายรัดข้อมือที่กลุ่มอาสาสมัคร Child in Mob ได้แจกตั้งแต่การลงพื้นที่ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2563
นอกจากนี้ยังเชิญชวนให้ร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อสนับสนุนการปกป้องและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของเด็ก โดยเงินบริจาคจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้ออุปกรณ์ระบุตัวตนของเด็กในพื้นที่ชุมนุมได้ เช่น สายรัดข้อมือที่ไม่เพียงช่วยระบุและยืนยันตัวตนสำหรับเด็กแต่ยังช่วยเป็นจุดสังเกตุของผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมการชุมนุม เช่น สื่อมวลชนต้องระวังการถ่ายภาพและลงรูปของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือแม้แต่ช่วยระแวดระวังการถูกล่วงละเมิดทางเพศและร่างกายกับเด็กในพื้นที่การชุมนุมด้วย
ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ได้เกิดเหตุผู้ชุมนุมได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ จากการชุมนุมดังกล่าว ได้มีการจับกุมเยาวชนระหว่างร่วมม็อบ REDEM ทำให้ แอมเนสตี้ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยแถลงว่า เด็กมีสิทธิชุมนุมและต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ และรับไม่ได้เจ้าหน้าที่จับกุมขณะไปร่วมม็อบ REDEM
โดยแอมเนสตี้ ได้กล่าวว่า การจับกุมและทำร้ายเด็กระหว่างการชุมนุมเช่นนี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลไทยไม่เคารพศักดิ์ศรีของประชาชน โดยเฉพาะของเด็ก เด็กมีสิทธิแสดงความเห็นเท่าเทียมกับบุคคลอื่นในสังคม และสิทธินี้ต้องได้รับการคุ้มครองจากสังคมและรัฐบาล แทนที่ผู้บังคับใช้กฎหมายจะคุ้มครองเด็ก แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับทำให้เด็กได้รับอันตรายเสียเอง
หลายคนก็ตั้งคำถามว่า แอมเนสตี้ที่ได้ออกมาปกป้องสิทธิของเด็กและเยาวชน ที่ถูกจับกุมระหว่างการร่วมม็อบเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา โดยไม่คำนึงว่า เยาวชนได้ก่อความรุนแรงหรือไม่ ถึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม และยังได้ออกมาหนุนม็อบใช้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาร่วมม็อบ โดยจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครเพื่อดูแลความปลอดภัย หลายคนมองว่า เป็นการปลุกระดมให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ออกมาชุมนุมใช่หรือไม่
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ โดยไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมายั่วยุเจ้าหน้าที่ให้เกิดความรุนแรง ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็คอยดูแลรักษาความปลอดภัยจนถึงเวลาประกาศยุติการชุมนุม