สุพัฒน์พงษ์ฯประกาศยุทธศาสตร์!!ไทยฮับผลิตยานยนต์EV โลก!?! ตั้งเป้าผลิต-ขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 1 ล้านคันใน 5 ปี

2486

แล้ววันที่คนไทยหลายคนรอคอยก็มาถึง รัฐบาลลุงตู่เร่งเครื่องหนุนใช้รถอีวี ปักธงรออีก 5 ปี ไทยเราจะเป็นฮับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก เรื่องนี้นายกฯลุงตู่เคยเกริ่นมาตั้งแต่ปีกลายแล้ว มาวันนี้รัฐบาลได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์รถอีวีอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลเอาจริง สั่งทุกฝ่ายเตรียมพร้อมทั้งไลน์การผลิต การขาย ทั้งแผนโปรโมทจูงใจคนไทยให้ใช้กันอย่างกว้างขวาง โดยตั้งเป้าปี 2568 จะผลิตให้ได้ 1 ล้านคัน ตอบสนองเทรนด์โลกเรื่องสิ่งแวดล้อม น่าสนใจมากมาดูกันว่ามีรายละเอียดอย่างไร?

เมื่อวานนี้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เรียกสั้นๆว่า บอร์ดอีวี  ได้ประชุมกำหนดแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ  ตั้งเป้าหมายในปี 2568 รถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี(EV)  จะมีราคาเทียบเท่ากับราคารถยนต์สันดาป หรือรถยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก

เรื่องนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกันพิจารณาส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าประกอบด้วย รถยนต์ จักรยานยนต์ และรถโดยสารสาธารณะ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของผู้ผลิต(ด้านอุปทาน ) โดยเชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องในยานยนต์ไฟฟ้า

รวมถึงการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เร่งให้เกิดการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยโดยเร็ว โดยมีเป้าหมาย การใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารวมทุกประเภทในปี 2568 รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,055,000 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์/รถปิกอัพ 402,000 คัน รถจักรยานยนต์ 622,000 คัน และรถบัส/รถบรรทุก 31,000 คัน

และในปี 2578 ให้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนรวม 15,580,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์/รถปิกอัพ 6,400,000 คัน รถจักรยานยนต์ 8,750,000 คัน และรถบัส/รถบรรทุก 430,000 คัน และได้วางเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้วางนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดย  จัดหนักมาตรการระยะเร่งด่วน และมาตรการระยะ 1- 5 ปี คือ:  

ด้านมาตรการกระตุ้นการใช้รถ EV ระยะเร่งด่วน มุ่งส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ  สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า โดยวางแผนจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่และการบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งานภายในประเทศอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียด เพื่อนำผลสรุปมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป

ด้านมาตรการกระตุ้นระยะ 1-5 ปี ให้ดำเนินการส่งเสริมการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต การเตรียมการด้านการบริหารจัดการซากรถยนต์แบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเป็นหลักตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (EcoSystem) เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด   โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติขึ้น อีก 4 ชุดเพื่อให้การส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าดำเนินนโยบายไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ที่ประชุมยังได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติขึ้น ได้แก่ 

  1. คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน 
  2. คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า 
  3. คณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเรือนกระจกจากการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และ 
  4. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าดำเนินนโยบายไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งเกิดการบูรณาการการดำเนินงานด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ให้เป็นรูปธรรม และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และคาดหวังว่าจะสามารนถนำประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกด้วย

รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คณะกรรมการชุดนี้มีความสำคัญต่อประเทศ และอุตสาหกรรมของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้นโยบายแปรสู่การปฏิบัติที่เป็นจริงอย่างชัดเจน และผลที่สุดก็จะทำให้บ้านเมืองเราสวยงามลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และทันสมัยอย่างที่มุ่งหวัง แต่มาตรการจูงใจทั้งต่อประชาชน และภาคธุรกิจเอกชนนี่ซิน่าสนใจจริงๆ เราจะติดตามมารายงานเพื่อคนรักรถEV และสนใจสิ่งแวดล้อมแน่ อย่าพลาดเชียว!!