หลังจากที่ศาลฎีกา ได้นัดฟังคำสั่งกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ผู้ถูกร้อง
คดีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง ภายหลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีถูกดำเนินคดีฟาร์มไก่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี ตามที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ (บก.ปทส.) แจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาไปก่อนหน้านี้
โดยศาลฎีกา มีคำสั่งประทับรับคำฟ้องคดีนี้ และสั่งให้น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะมีคำพิพากษานั้น
ต่อมาทางด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกา มีคำสั่งรับคำร้องของ ป.ป.ช. ที่กล่าวหา นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง คดีบุกรุกป่าในจังหวัดราชบุรี เป็นเหตุต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ทันที ว่า เป็นเรื่องของศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง ซึ่งส่วนตัวคงไม่ต้องให้กำลังใจ เพราะเชื่อว่า นางสาวปารีณามีกำลังใจดีอยู่แล้ว
ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวถึงบทบาทของ น.ส.ปารีณา ที่ศาลสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้ก่อน ว่า ขณะนี้ในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกัน ซึ่งหากเป็นจริงตนคิดว่าต้องรอดูเหตุการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรในส่วนนี้ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกผิดหวังไปกับน.ส.ปารีณา ที่ต้องโดนตัดสิทธิ์
“ผมในฐานะเลขาธิการพรรคในการพรรคก็เป็นห่วงเป็นกังวล ในฐานะที่ทำงานร่วมกันมาซึ่งน.ส.ปารีณาก็เป็นสมาชิกของเราคนหนึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็ต้องรู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดา แต่สิ่งหนึ่งในส่วนของพรรคก็ต้องมีการดำเนินกิจกรรมหลาย ๆ อย่างโดยต้องมาดูว่าเราจะสามารถคิดอ่านอย่างไรต่อไป ซึ่งก็ต้องเป็นภาพร่วมของพรรค โดยต้องมีการหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งหนึ่ง แต่สำหรับผมในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องรู้สึกเสียใจกับน.ส.ปารีณา”
เมื่อถามว่าการที่เสียงของรัฐบาลขาดไปหนึ่งเสียง จะทำให้มีผลกระทบอะไรในการทำงานสภาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีหรอก เพราะเราก็เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาเสียงที่เรามีอยู่ตอนนี้ค่อนข้างที่จะมีความมั่นคง ซึ่งเรื่องของเสียงไม่สำคัญเท่ากับการเสียงเพื่อนไปคนหนึ่งที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นเอง เรื่องเสียงในสภาไม่ใช่ประเด็น
ทั้งนี้ที่ผ่านมา แม้จะมีกระแสดราม่าเกิดขึ้นในแวดวงการเมืองอย่างต่อเนื่อง และชื่อของ “เอ๋ ปารีณา” ก็ติดเทรนด์ในโซเชียลอยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวมักถูกโจมตีทางแง่ลบ แต่ก็ไม่เคยตอบโต้อะไร นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ยื่นตรวจสอบ ที่ดินของแม่นายธนาธรด้วย โดยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 63 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับยื่นหนังสือจาก น.ส.ปารีณา ไกรตุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบความคืบหน้าคดีครอบครองที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
โดยครั้งนั้น น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ได้ยื่นร้องเรียนไปที่อธิบดีกรมป่าไม้ตั้งแต่เดือนก.พ.2562 จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว เรื่องก็ยังคงเงียบอยู่ ทุกวันนี้สังคมเห็นแล้วว่ามีความน่าสงสัยเยอะในพฤติกรรมต่าง ๆ ขอฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยไม่เลือกปฏิบัติ
และการที่ศาลสั่งให้ยุติบทบาทส.ส. ของ “เอ๋ ปารีณา” ก็คงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หากใครมีความผิด ก็ว่าไปตามกฎหมาย กฎหมายไม่ได้เลือกข้าง อย่างที่ฝั่งกองเชียร์นายธนาธรโจมตี จะเห็นว่า “เอ๋ ปารีณา” ก็ไม่ได้มีการโวยคำสั่งดังกล่าว และน้อมรับคำตัดสิน ซึ่งต้องรอไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 64 ว่าจะมีผลการตัดสินเป็นเช่นไร ซึ่งการตัดสินต่อไป จะเป็นการสอบคำร้องที่ “เอ๋ ปารีณา” ยื่นให้ตรวจสอบที่ดินของแม่นายธนาธร จนกลายเป็นประเด็นข่าวดังมาแล้ว เพราะนายธนาธร ประกาศจะทวงคืนผืนป่า แต่กลับกลายเป็นรุกที่ป่าเสียเอง
นอกจากนี้ที่ผ่านมา บทบาทของ “เอ๋ ปารีณา” ยังทำหน้าที่คนไทย เปิดหน้าสับพวกก๊วน 3 นิ้ว ที่จาบจ้วงสถาบัน จนมีกระแสลบโจมตีอยู่เรื่อย ๆ
เช่น เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2563 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ม็อบตอแXล นักการเมืองตอแXล ดาราตอแXล ไม่มีความรุนแรงนะคะ ย้ำว่าน้ำที่ฉีดไล่ไม่ได้ผสมน้ำมนต์ มันไม่ทำให้ใครทรมานค่ะ
และน.ส.ปารีณา ยังได้แชร์โพสต์เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมในต่างประเทศ ซึ่งเป็นคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทั้งตีทั้งกระทำกับผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง ซึ่ง น.ส.ปารีณา ระบุว่า นี่เป็นภาพส่วนหนึ่งของวิธีการสลายม็อบต่างชาติ ประเทศไทยถือว่าเบาสุดแล้ว ใช้แผงกั้น ใช้ฉีดน้ำไล่ ส่วนตำรวจไทยไม่ตีม็อบ ให้แม่ที่บ้านตีเอง #รักวัวให้ผูกรักลูกให้ยึดโทรศัพท์
– 25 พ.ย.63-เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าม็อบลูกผสมระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเยาวชน มารวมตัวกัน เป็นแค่เกมส์ สังเกตไหมว่า ทุกครั้งที่ชุมนุมทำไมอยู่ดี ๆ ม็อบหายเรียบ เพราะการจ้างม็อบจะมีการตกลงเวลาในการชุมนุมและเลิกชุมนุมตามราคา ฝากเยาวชน เลิกเรียนให้กลับบ้านทำการบ้าน ไปรับใช้ ช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่ใช่ไปรับใช้ตี๋หัวตั้ง
และเจ้าตัวเคยโพสต์ภาพข่าว มารีญา ป่วยลำไส้อักเสบ ในช่วงที่การชุมนุมของกลุ่ม 3 นิ้ว กำลังมาแรง พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “#สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง #ปูไปรยาไม่อยากยุ่งการเมือง #มารีญาล่ะ #มารีญาเข้ารพ. การเข้าไปยุ่งกับการเมืองโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจอาจเป็นเรื่องปกติ การไปยุ่งโดยไม่เจตนาดังกล่าวอาจเป็นการไปแตะต้องบุคคลที่อันเป็นที่รักสูงสุดของทุกคนในประเทศโดยไม่รู้ตัว
มารีญาอาจไม่ตระหนักว่ามีกลุ่มฝ่ายการเมืองที่พยายามปลุกปั่น โจมตีรัฐบาลและสถาบันสำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง มารีญา อาจเป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว แต่พอดูจากการศึกษาและสถาบันที่จบ พื้นฐานครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ ที่ดีจริง ๆ ทำให้เชื่อได้ยากว่า จะไม่มีเจตนา ปารีณาไม่ได้งมงาย แต่ปารีณาเชื่อว่าความเจ็บป่วยของมารีญาอาจเกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์” และยังตอบโต้ ที่มารีญา โพสต์ถามเรื่องวันเฉลิม ได้อย่างดุเดือด ตรงประเด็น
ถือว่า “เอ๋ ปารีณา” เป็นส.ส.คนหนึ่งที่ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ เจอกระแสโจมตีมาไม่น้อย แต่สิ่งที่เจ้าตัวลุยสู้ขาดใจ ก็เห็นจะมีเรื่องเปิดหน้าฟาดกับพวก 3 นิ้ว แบบไม่เกรงกลัว รวมทั้งก๊วนพรรคสีส้ม ที่เจ้าตัวก็ฉะเดือดแบบไม่แคร์กระแสด้านลบ หลังจากที่มีคำสั่งให้พักหน้าที่ส.ส. นั้น เราอาจจะได้เห็น “เอ๋ ปารีณา” ในบทบาทต่อสู้กับม็อบล้มเจ้า แบบเอาจริงเอาจังอย่างแน่นอน